สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร รายงานว่า จากการที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคาอาหารและพลังงานเพิ่มสูงขึ้น แต่คนทำงานในสหราชอาณาจักรมีรายได้เท่าเดิม ทำให้พวกเขามีค่าแรงที่แท้จริงลดลงร้อยละ 2.8 ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมปีนี้ (2565) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (2564)
เป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่สำนักงานฯ เริ่มเก็บบันทึกในปี 2544 หรือลดลงมากที่สุดในรอบมากกว่า 20 ปี ปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก มากที่สุดในบรรดาประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคม แตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีที่ร้อยละ 9.1 สูงที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศจี7 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่เหนือระดับร้อยละ 11 ในปลายปีนี้ แม้ว่าธนาคารกลางจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งก็ตาม
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงประกอบกับนโยบายเบร็กซิตยังทำลายอัตราการเติบโตของประเทศ ซึ่งองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาออกรายงานคาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว (มิ.ย.) ว่าเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรกำลังเข้าสู่ภาวะชะงักงัน โดยคาดการณ์ว่าจีดีพีจะเติบโตเป็นศูนย์ในปีหน้า (2566) ซึ่งจะเป็นผลงานที่แย่ที่สุดในกลุ่มจี7
ส่วนการที่ค่าเงินปอนด์ยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ยังทำให้สูญเสียมูลค่าไปแล้วร้อยละ 11 ทำให้การนำเข้าสินค้ามีราคาแพงขึ้นมาก
...
#เงินเฟ้อสหราชอาณาจักร