พรุ่งนี้!ศบค. พิจารณาผ่อนคลายหลายมาตรการ ปรับพื้นที่ จัดสงกรานต์ คงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

17 มีนาคม 2565, 12:09น.


          การประชุมศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 18 มี.ค พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผอ.ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กล่าวว่า จะเสนอมาตรการเพื่อผ่อนคลายหลายเรื่อง เพื่อขอความเห็นชอบจากศบค. รวมทั้งยังไม่มีการเสนอให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพราะยังมีความจำเป็น เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ป้องกันประชาชน เมื่อใดที่หมดความจำเป็น ตนจะพิจารณาและเสนอผู้ที่เกี่ยวข้องให้ยกเลิกทันที  ส่วนจะยกเลิกเมื่อมีการประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า แน่นอน เมื่อถึงขั้นนั้นก็ใช้กฎหมายปกติ



        ส่วนการยกเลิกการสวมหน้ากากอนามัยในบางพื้นที่ เลขาสมช. ยืนยันว่าการสวมหน้ากากอนามัย ยังจำเป็นตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่เราพิจารณาว่ามีความเหมาะสมที่จะเปิดได้อย่างปลอดภัย ข่าวที่ออกมาอาจเป็นแผนการในอนาคต ในช่วง 3 เดือนหรือ 6 เดือนข้างหน้า โดยจะต้องประเมินสถานการณ์ให้ต่อเนื่อง แต่ตอนนี้หน้ากากอนามัยยังจำเป็น



          โดยจะเสนอปรับพื้นที่สถานการณ์ในบางพื้นที่ เช่น พื้นที่สีเหลือง เป็นสีส้ม หรือจากสีส้มเป็นสีเหลือง ในบางพื้นที่เห็นว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้น แต่ถ้าประเมินดูรายพื้นที่ จะเห็นว่าบางพื้นที่ตัวเลขติดเชื้อทรงตัว หรือมีจำนวนลดลง และขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้ที่หายป่วย มีจำนวนใกล้เคียงกันต่อเนื่อง จึงจะปรับลดบางพื้นที่ให้ผ่อนคลายมากขึ้น



           นอกจากนี้ จะพิจารณามาตรการการจัดงานสงกรานต์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำข้อมูลเตรียมเสนอไว้แล้ว และจะนำมาหารือในที่ประชุมศปก.ศบค. ก่อนเสนอศบค.ชุดใหญ่ โดยจะเสนอให้จัดกิจกรรมได้ภายใต้มาตรการป้องกัน มี 3 หน่วยงานหลัก รับผิดชอบคือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะนำข้อมูลมาชี้แจง



          เบื้องต้นจัดกิจกรรมรดน้ำดำหัว สรงน้ำพระ ร่วมกิจกรรมที่วัด และร่วมกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ได้ แต่ทุกที่ต้องจัดโดยระวัง และจะขอให้ใช้กลไกของท้องถิ่นมาช่วยกำกับลงไปถึงระดับหมู่บ้าน จะจัดโซนนิ่งให้ทำกิจกรรมตามประเพณีภายใต้การควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอแผนปรับสถานการณ์โควิด-19 ไปสู่โรคติดต่อทั่วไป โดยจะเป็นแผนและกรอบให้ที่ประชุมศบค.รับทราบ ก่อนนำไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป



          ส่วนข้อเสนอให้ผ่อนคลายเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ทั่วประเทศ เรื่องนี้มีการเสนอเข้าที่ประชุมศบค.ทุกรอบ รวมถึงครั้งนี้ แต่เราพยายามช่วยผู้ประกอบการ ดังนั้น การจะผ่อนคลายต้องดูหลายปัจจัย และพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากกิจการและกิจกรรมประเภทนี้มีความเสี่ยงสูง ส่วนใหญ่เป็นสถานที่ปิด มีโอกาสแพร่เชื้อสูง และครั้งนี้จะเสนอให้ศบค.พิจารณา โดยดูปัจจัยขณะนี้โอไมครอนแพร่กระจายเร็วและไม่รุนแรง และยังมีปัญหาเรื่องผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และกลุ่มเปราะบาง ที่มีอัตราเสียชีวิตค่อนข้างสูงที่ต้องคำนึงถึง หากตัดสินใจเปิดและมีความเสี่ยงมากแล้วต้องลงทุนสูง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็น่ากังวล จึงต้องพิจารณาให้รอบด้าน



         นอกจากนี้ จะพิจารณาปรับหลักเกณฑ์การเข้าประเทศ ในรูปแบบไทยแลนด์ พาส เพื่อให้คนไทยและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศสะดวกมากขึ้น ควบคู่กับมาตรการควบคุมโรคที่ยอมรับได้ เช่น การปรับเรื่องการตรวจ RT-PCR ที่ยังยืนยันว่าเมื่อมาถึงประเทศจะต้องตรวจ 1 ครั้ง โดยอาจปรับใช้ให้เป็นการตรวจ RT-PCR หรือแบบ ATK 1 ครั้งได้ แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะปรับได้ขนาดไหน เนื่องจากพื้นที่ท่องเที่ยวยังมีตัวเลขติดเชื้อสูง แต่ยืนยันว่าจะปรับแน่ และจะทำข้อแนะนำเรื่องการตรวจครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 ที่สามารถตรวจ ATK ประเมินด้วยตัวเองได้ในแบบฟอร์มทางแอพพลิเคชั่นที่กำหนด



          ส่วนการผ่อนคลายมาตรการ จะสวนทางกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ไม่สวนทาง และกระทรวงสาธารณสุข คาดการณ์ไว้แล้วตามฉากทัศน์ และเห็นว่าจำเป็นต้องผ่อนคลายเพราะอยากให้เศรษฐกิจเดิน ให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้ ฉะนั้นต้องทำ โดยมีมาตรการที่ดีที่สุดออกมาช่วยควบคุม เพื่อให้ตัวเลขการติดเชื้อไม่มีอันตราย สิ่งสำคัญที่สุดคือ การฉีดวัคซีน จะทำให้อัตราติดเชื้อน้อย หรือติดแล้วไม่รุนแรง ที่เป็นห่วงคือ 90% ของตัวเลขผู้เสียชีวิตต่อเนื่องมา 2-3 เดือน คือผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ดังนั้น ขอย้ำเรื่องการรับวัคซีน ให้ดูว่าวัคซีนเข็มสุดท้ายที่ได้รับ หากมีเวลา 3-6 เดือนแล้ว ขอให้ไปบูสเข็มต่อไป ขอเชิญชวนผู้เปราะบาง ผู้สูงอายุ และประชาชน ไปขอรับการฉีดวัคซีนที่เวลานี้ได้กระจายไปทั่วประเทศ และทำให้เข้าถึงได้ง่าย



 



 



#โควิด19



#ผ่อนคลายมาตราการ



#โรคประจำถิ่น

ข่าวทั้งหมด

X