ศบศ. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ -ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้าไทย

03 ธันวาคม 2564, 17:47น.


           หลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงว่า ที่ประชุมเห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ตามข้อเสนอของ สศช. และทีมปฏิบัติการเชิงรุกฯ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบในหลักการไปเมื่อวันอังคารที่ 14 กันยายน 2564 โดยมีความคืบหน้าและแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ ดังนี้



1. การกำหนดประเภทการตรวจลงตรา (วีซ่า) สําหรับผู้พำนักระยะยาว (Long-term resident visa: LTR) โดยกระทรวงมหาดไทย เสนอร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ให้แก่คนต่างด้าวใน 4 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ ผู้มีความมั่งคั่งสูง ผู้เกษียณอายุ ผู้ที่ต้องการทำงานจากไทย และผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ซึ่งครอบคลุมคุณสมบัติและแนวทางการยื่นคำขอรับรองคุณสมบัติและคำขอรับการตรวจลงตราวีซ่าประเภท LTR ที่สำคัญ

          อาทิ (1) วีซ่า LTR จะครอบคลุมระยะเวลาทั้งสิ้น 10 ปี โดยอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ 5 ปี และ ยื่นคำขอรับรองคุณสมบัติเพื่อขออยู่ต่อได้อีก 5 ปี ไม่จำกัดจำ นวนครั้งที่เดินทางเข้าออกราชอาณาจักรโดยรวมถึงคนต่างด้าวและผู้ติดตามซึ่งเป็นคู่สมรสและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย(อายุไม่เกิน 20 ปี) จำนวนไม่เกิน 4 คน (2) กำหนดให้แจ้งที่พำนักอาศัยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อพำนักครบ 1 ปี (จากเดิมที่ต้องดำเนินการทุกรอบ 90 วัน) (3) ได้รับอนุญาตให้ทำงานครั้งละ 5 ปีภายหลังได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และ (4) หากมีความประสงค์จะขอรับการตรวจลงตราเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรด้วยวัตถุประสงค์อื่นให้สามารถกระทำได้ เป็นต้น



 2.การให้สิทธิประโยชน์ด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ประชุมมอบหมายให้กรมที่ดิน เร่งรัดศึกษาเพิ่มเติมในรายละเอียดเพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมศบศ.พิจารณาโดยเร็วต่อไป



3. การให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ที่ประชุมมอบหมายให้กรมสรรพากร เตรียมร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ผู้ถือวีซ่า LTR โดยมีหลักการที่สำคัญ ได้แก่ การกำหนดให้ชาวต่างชาติผู้ถือวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาวกลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ และกลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมิน เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศหรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศและนำเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกัน และการกำหนดให้ชาวต่างชาติผู้ถือวีซ่า ประเภทผู้พำนักระยะยาวกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ซึ่งทำงานในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบ อุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนกฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถใน การแข่งขันของประเทศ หรือกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และได้รับเงินได้พึงประเมินตาม ประมวลรัษฎากร ขณะที่การปฏิบัติพิธีการศุลกากรของติดตัวผู้โดยสาร ที่ประชุมมอบหมายให้กรมศุลกากร อำนวยความสะดวกในการจัดทำแนวทางการเดินทางพิเศษสำหรับผู้ถือวีซ่าประเภทผู้พำนักอาศัยระยะยาว (LTR) เป็นการเฉพาะ โดยจะเทียบเคียงกับสถานะการเดินทางทางการทูต (Diplomatic passport) และมอบหมายให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดแนวทางปฏิบัติเป็นการเฉพาะต่อไป



4. การจัดตั้งศูนย์บริการผู้พำนักระยะยาว (LTR-Service center) ครอบคลุมการดำเนินภารกิจในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เชิงรุกและอำนวยความ สะดวกและให้คำปรึกษาแก่ชาวต่างชาติที่ได้รับวีซ่า LTR เพื่อให้การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและ การลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเห็นชอบในหลักการมาตรการส่งเสริมการลงทุนในกิจการคลาวด์เซอร์วิส ตามข้อเสนอของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) โดยที่ประชุมมอบหมายให้ สกท. หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวในประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ ประกอบด้วยแนวทางการดำเนินการด้านภาษีเพื่อสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมการใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศ โดยเฉพาะการให้บริการ Data hosting services แก่ผู้รับบริการในต่างประเทศ แนวทางการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าเพื่อรองรับอุตสาหกรรมกิจกรรม กิจการคลาวด์เซอร์วิสในอนาคต และ แนวทางการสร้างความชัดเจนในประเด็นเกี่ยวกับขอบเขตความ รับผิดชอบของผู้ให้บริการคลาวด์เกี่ยวกับการให้ข้อมูลของผู้ใช้บริการต่อเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงการผลักดัน นโยบายเกี่ยวกับบทบาทของผู้ให้บริการภาคเอกชนต่อการพัฒนาบริการคลาวด์ของภาครัฐ และหากได้ข้อยุติ แล้ว ให้ สกท. เสนอต่อที่ประชุม ศบศ. เพื่อพิจารณาต่อไป



          นอกจากนี้ที่ประชุม เห็นชอบในหลักการมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพตามข้อเสนอของสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย โดยให้สภาดิจิทัลฯหารือร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นด้านกฎระเบียบต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นให้เกิดการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เหมาะสมต่อการส่งเสริมการลงทุน ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และสตาร์ทอัพให้แก่ผู้ประกอบการไทย และ



          เห็นชอบในหลักการมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยตามข้อเสนอของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยที่ประชุมมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจ สร้างสรรค์และกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหน่วยงานหลักร่วมกันหารือร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินมาตรการสร้างแรงจูงใจและอำนวยความสะดวกเพื่อดึงดูดให้กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศมาถ่ายทำในประเทศไทย รวมทั้งพิจารณาแนวทางในการส่งเสริมระบบนิเวศและปัจจัย สนับสนุนที่จะช่วยขยายผลไปสู่การส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้านอื่น ๆ เพื่อผลักดัน Soft power ของไทยต่อไป



#กระตุ้นเศรษฐกิจ



#โควิด19



 



 

ข่าวทั้งหมด

X