ข้อสงสัยขึ้นมาทันที กรณีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯประกาศรายชื่อ 110 ประเทศ ที่เข้าร่วมการ
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า เวทีการประชุมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของสหรัฐฯในการกอบกู้ความเชื่อมั่นประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม ซึ่งสหรัฐฯเป็นผู้ผลักดันมาหลายสิบปี แล้วนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองและการทูตในหลายประเทศที่ตกต่ำลง หลังจากมีพัฒนาการในเชิงลบว่าประชาธิปไตยกำลังจะตาย มีหนังสือสำคัญออกมา เช่น ที่อังกฤษของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ว่าประชาธิปไตยเสรีนิยมกำลังจะตาย รวมถึงสหรัฐฯที่มีการบุกไปรัฐสภา ในสหรัฐฯมีการเสียชีวิตของผู้ประท้วง มีการละเมิดคนผิวสี มีข้อสังเกตตรงนี้ ทำให้สหรัฐฯ มีความวิตกกังวลมากว่าประชาธิปไตยเสรีนิยมตะวันตกที่สหรัฐฯ และอังกฤษผลักดันมาหลายสิบปีเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทางการทูตเพื่อกดดันเพื่อให้มีพันธมิตรมากขึ้น
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ
อีกประเด็นเป็นความพยายามของสหรัฐฯในการเบี่ยงเบนในประเทศ เนื่องจากเข้าสู่การเลือกตั้งกลางสมัย เพราะฉะนั้นการยกระดับตัวเองให้เห็น เป็นการข่มขวัญคู่ต่อสู้นั่นก็คือ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และพันธมิตร ที่กำลังตีตื้นขึ้นมาแล้วในการเลือกตั้งท้องถิ่น รีพับลีกันเริ่มได้คะแนนนิยมกลับมา คะแนนนายไบเดน ตกต่ำมาก เขาจะกู้วิกฤตศรัทธาประชาชนได้ไหม ทำให้เขาต้องเชิญประเทศให้เยอะ และสองไม่เชิญประเทศที่เห็นต่างกับเขา อย่างเช่น สิงคโปร์มีระบบที่ประสบความสำเร็จ ขณะที่
อย่างไรก็ดี การที่สหรัฐฯดำเนินการรูปแบบนี้ ทำให้เห็นว่าเขายังมีพันธมิตรเป็นร้อยประเทศพยายามโดดเดี่ยว จีน รัสเซีย ทำให้จีนรู้ทันจึงออกมาแถลงโต้ในช่วงวันแรก
"เราเหมือนอยู่ในหมู่บ้านเคยสงบสุข แต่มีนักเลงประจำซอย สองคนตีกัน ทำให้พวกเราในหมู่บ้านอกสั่นขวัญแขวนไปทั่ว ในยามที่เราเดินผ่านก่อนนั้นทักทายกันดี แต่ตอนนี้มาข่มขวัญจะอยู่พวกไหน ทำให้จิตใจเราก็ตุ้มๆต่อมๆไปด้วย
อีกประเด็นที่ รศ.ดร.ปณิธาน ชี้ให้เห็นเบื้องหลังการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯปัจจุบัน เนื่องจาก คนควบคุมกระทรวงการต่างประเทศขณะนี้เป็นพรรคเดโมแครต ซึ่งเดิมมีทัศนคติเป็นลบกับ
#ประชุมประชาธิปไตย
#การเมืองระหว่างประเทศ