หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์บนโซเชียลมีเดีย ว่าเขาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเริ่มการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่มีความเท่าเทียมกันกับประเทศคู่แข่ง ซึ่งสร้างความกังวลไปทั่วโลก ว่าสหรัฐฯจะกลับมาทดสอบนิวเคลียร์เต็มรูปแบบอีกครั้ง
	          นายคริส ไรท์ รัฐมนตรีพลังงานสหรัฐฯ ชี้แจงว่า คำสั่งของประธานาธิบดี ไม่ได้หมายถึงการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ และขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับสถานที่ทดสอบอย่างทะเลทรายเนวาดาไม่ต้องเป็นกังวล
	          เมื่อวันศุกร์ (31 ต.ค.68) ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับรายการ 60 Minutes ทางช่อง CBS และออกอากาศในวันอาทิตย์ (2 พ.ย.) ย้ำจุดยืนเรื่องการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เหมือนรัสเซียและจีน ซึ่งเขาเห็นว่า 2 ประเทศไม่ได้ประกาศเรื่องการทดสอบต่อสาธารณะ ทั้งอ้างว่าเกาหลีเหนือกับปากีสถานก็มีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์         
	          อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง รัสเซีย ไม่ได้ทดสอบนิวเคลียร์มาตั้งแต่ปี 2533 และจีนไม่ได้ทดสอบตั้งแต่ปี 2539 โดยเมื่อวันจันทร์ (3 พ.ย.) กระทรวงต่างประเทศของจีนออกแถลงการณ์ยืนยันว่าไม่ได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ โดยระบุว่า ในฐานะรัฐนิวเคลียร์ที่มีความรับผิดชอบ จีนยึดมั่นในยุทธศาสตร์นิวเคลียร์เพื่อการป้องกันตนเองและปฏิบัติตามพันธกรณีในการระงับการทดสอบนิวเคลียร์ และหวังว่าสหรัฐฯ จะดำเนินการที่เป็นรูปธรรมเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์และไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ รักษาสมดุลและเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ระดับโลก
	         ส่วนรัสเซียก็ปฏิเสธเช่นกันว่าไม่ได้ทดสอบนิวเคลียร์ นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียคาดหวังว่าจะมีการส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ ส่วนการทดสอบอาวุธของรัสเซียอย่างโพไซดอน (Poseidon) ที่เป็นตอร์ปิโดทางยุทธศาสตร์ใต้ทะเล และบูเรเวสต์นิก (Burevestnik) ที่เป็นขีปนาวุธร่อน ไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นการทดสอบนิวเคลียร์
	          จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ที่ถือครองถือเป็นความลับของแต่ละประเทศ แต่สหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน (FAS) คาดว่ารัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 5,459 หัวรบ ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีประมาณ 5,177 หัวรบ, จีนมีประมาณ 600 หัวรบ, ฝรั่งเศส 290 หัวรบ, สหราชอาณาจักร 225 หัวรบ, อินเดีย 180 หัวรบ, ปากีสถาน 170 หัวรบ, อิสราเอล 90 หัวรบ และเกาหลีเหนือ 50 หัวรบ
	 
	...
	#อาวุธนิวเคลียร์
	#สหรัฐ
 ข่าวทั้งหมด