ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์ข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ ในเฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda ระบุว่า "ช่วงนี้ 27% ของเคสใหม่ในสหรัฐอเมริกาเป็นเด็กเยาวชน สำหรับประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และกระทรวงสาธารณสุข และขอเพิ่มกระทรวงศึกษาธิการ คงไม่อยากเห็นแบบนี้ในประเทศ ทางเดินมีได้สองทางคือ
1)ไม่ต้องเปิดเรียนไปเรื่อยๆ และฉีดวัคซีนให้ผู้ใหญ่ให้ได้มากกว่านี้ก่อน
2)ฉีดวัคซีนให้เด็กแล้วเปิดเรียนด้วยมาตรการรักษาระยะห่าง ใส่หน้ากาก เลี่ยงที่แออัด อย่าเคร่งครัด
ยิ่ง อย.ยิ่งคิดและตัดสินใจช้า เด็กก็คงกลับไปโรงเรียนไม่ได้ หรือได้แต่เสี่ยง อย่างที่เคยพูดไว้นานมาแล้วว่า เรื่องของระบาดวิทยา การระบาดของโรคแบบโควิด-19 นี้ ไม่ใช่แค่เรื่องทางการแพทย์อย่างเดียว แต่สังคมวิทยามีความสำคัญพอๆกันหรือมากกว่า
เด็กๆทั้งวัยเรียนประถม มัธยม และอุดมศึกษา ไม่ได้กลับไปชั้นเรียนมากันกว่าปีแล้ว เด็กๆไม่ได้เจอเพื่อนตัวเป็นๆ ไม่ได้คุยกันเสียงดังๆ ไม่ได้แอบกินขนมหรือแอบเล่นโทรศัพท์ในห้องเรียนให้ครูดุ กันทั้งปี เด็กที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้ยังไม่เคยได้ไปใช้ชีวิตใหม่ที่โลดโผนในปีแรกของการเป็นน้องใหม่ในมหาวิทยาลัย เด็กรุ่นช่วงนี้คงเกิดแผลเป็นในการพัฒนาทางสังคมไปตลอดจนเป็นผู้ใหญ่
นี่ไม่นับคุณภาพการเรียนการสอนออนไลน์ที่เด็กและครูในเมืองกับคุณภาพอินเตอร์เน็ตที่แตกต่างจะยิ่งทำให้ช่องว่างทางการศึกษาที่มีมากอยู่แล้วยิ่งมากขึ้นไปอีก เพราะแน่นอนว่าลูกคนมีฐานะย่อมมีอุปกรณ์และการสื่อสารที่แตกต่างกับในที่ห่างไกลอย่างมากไม่ต้องพูดถึงเด็กๆชายขอบ!!!
เข้าใจว่าผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาพิจารณาการใช้วัคซีนในเด็กของ อย.จะมีความรู้ความชำนาญด้านการแพทย์และวัคซีนที่เก่งที่สุดในประเทศแล้ว แต่ไม่มั่นใจว่าใครๆใน อย.และผู้กำหนดนโยบายจะคำนึงถึงเรื่องสังคม และคุณภาพการศึกษาด้วยแค่ไหน ไม่อยากให้ท่านเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแผลเป็นทางสังคมให้เด็กๆและทำให้ช่องว่างทางการศึกษาในเยาวชนไทยกว้างขึ้นกว่านี้โดยที่เยาวชนเหล่านี้จะเป็นพลเมืองทรัพยากรของชาติเราในอนาคตอันใกล้…อยากให้คนเก่งประเทศไทย คิดแล้วทำเองได้ก่อนใครๆบ้างอย่าไปรอให้ชาติใดๆตัดสินใจก่อนเลย กล้าตัดสินใจกันหน่อย”
#วัคซีนโควิด19
#ฉีดวัคซีนให้เด็ก
CR:Nithi Mahanonda