ผู้คนจำนวนมากในหลายประเทศ เข้าร่วมการประท้วงต่อต้านมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในป้ายข้อความของผู้ประท้วงเหล่านี้มีลักษณะที่คล้ายกันคือการระบุว่า เป็นมาตรการที่ละเมิดต่อเสรีภาพ
โดยที่ฝรั่งเศสมีประชาชนประมาณ 160,000 คนร่วมการประท้วงในหลายเมืองเพื่อคัดค้านมาตรการของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่กำหนดให้ใช้บัตรผ่านสุขภาพในการตรวจสอบการฉีดวัคซีนก่อนใช้บริการร้านอาหารและสถานที่สาธารณะ โดยที่กรุงปารีส ตำรวจฝรั่งเศสใช้แก๊สน้ำตาและน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งนอกจากจะประณามประธานาธิบดีมาครงแล้ว พวกเขายังเห็นว่า มาตรการวัคซีนคือการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ผลิตยา
ที่กรุงลอนดอน อังกฤษ มีผู้เข้าร่วมการประท้วงหลายพันคน ซึ่งพวกเขาระบุว่า ข้อจำกัดต่างๆ คือการละเมิดต่อเสรีภาพพลเมือง และมีบางส่วนที่ไม่เชื่อเรื่องไวรัสโควิด
ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการคัดค้านมาตการล็อกดาวน์ มีผู้ประท้วงถูกจับกุมจำนวนมาก เนื่องจากเข้าร่วมการเดินขบวนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนที่จาการ์ตา อินโดนีเซีย มีการเรียกร้องให้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
และที่กรุงเอเธนส์ กรีซ เป็นประท้วงต่อต้านการฉีดวัคซีน และข้อจำกัดต่าง ๆ โดยพบการปะทะกับเจ้าหน้าที่ในบางแห่ง และมีผู้ที่ถูกจับกุมจำนวนหนึ่ง
นางไฮดี ลาร์สัน จากมหาวิทยาลัยสุขอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งลอนดอน (London School of Hygiene and Tropical Medicine) กล่าวถึงผู้ประท้วงว่า การฉีดวัคซีนจะนำไปสู่เสรีภาพในการดำเนินชีวิต เมื่อเราทุกคนร่วมกันหยุดไวรัสโควิดได้
...