นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค ชี้แจงกรณีที่มีเอกสารระบุว่าการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้บุคลากรทางการแพทย์ จะเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเท่านั้นหรือไม่ และวัคซีนไฟเซอร์ที่จะได้รับจากสหรัฐฯ จะได้ฉีดด้วยหรือไม่ว่า
-การฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์เป็นนโยบายที่ต้องดำเนินการ เนื่องจาก การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม นานเกิน 3 เดือน จำเป็นต้องฉีดกระตุ้นให้ภูมิต้านทานสูงกว่าเดิม
-วัคซีนที่จะฉีดไม่ใช่แพลตฟอร์มเดิม คือ จะต้องเป็นวัคซีนที่พัฒนาแบบเทคนิคไวรัลแว็กเตอร์ (Viral Vector) ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นแอสตร้าเซนเนก้า หรือ ไฟเซอร์ ทั้งสองแพลตฟอร์มก็สามารถฉีดเพิ่มภูมิต้านทานได้ เนื่องจาก ข้อมูลที่ดูจากห้องปฎิบัติการยังไม่พบความแตกต่าง
-กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ มีแนวโน้มสูงที่จะติดเชื้อ ในขณะนี้ไทยมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ก็ฉีดได้เลย ไม่ต้องรอ เมื่อมีวัคซีนไฟเซอร์เข้ามา ก็ฉีดได้เหมือนกัน ใช้สองตัวควบคู่กันไป ไม่ได้หมายความว่า จะไม่ฉีดให้ใคร
-ขณะนี้ โรงพยาบาลต่างๆ กำลังสำรวจจำนวนคนด่านหน้าที่มีความเสี่ยงสูงสุดจริงๆ เพื่อจัดสรรวัคซีนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1,500,000 โดส ที่ไทยจะได้รับบริจาคจากสหรัฐฯจะฉีดให้กลุ่มใดและจัดสรรในจำนวนเท่าใด คณะกรรมการวิชาการ เสนอว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะฉีดเรียงตามลำดับความสำคัญดังนี้
1.บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้า ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ
2.ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ และ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง
3.พื้นที่ที่มีการระบาด ฉีดให้ครอบคลุมก่อน
ขณะนี้ เป็นการจัดทำแผน ยังไม่ได้ให้กลุ่มไหนเป็นพิเศษ และแผนรอการอนุมัติจากศบค.
ส่วนการวัดประสิทธิผลของวัคซีนว่าจะลดลงหรือไม่ ในช่วงที่มีการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาระบาด นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวว่า การเก็บข้อมูลเมื่อช่วงเดือน มิ.ย.64 มีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา แต่ยังไม่สูงมาก ประมาณร้อยละ 30 ประสิทธิผลของวัคซีนคงเดิม และต้องติดตามหลังจากสิ้นเดือนก.ค. 64 ดูว่าประสิทธิผลของวัคซีนจะลดลงหรือไม่
การศึกษาประสิทธิภาพ จะต้องติดตามดูเรื่องภูมิต้านทานด้วย จากการทดลองศึกษาในห้องปฎิบัติการ พบว่า ภูมิต้านทานของวัคซีน พบว่า สายพันธุ์เดลตา ต่ำกว่าค่อนข้างมากเมื่อเทียบจากสายพันธุ์อัลฟา จึงเป็นการปรับวิธีการใช้วัคซีนเสริมเพื่อเพิ่มแอนติบอดี แต่ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนของเดิมไม่ได้ผล เพราะเราต้องเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีนที่มีอยู่แล้ว
สถานการณ์การติดเชื้อสัปดาห์นี้ พบว่ามีรายงานผู้ติดเชื้อรายวันเป็นหลักหมื่นคนตลอดทั้งสัปดาห์ วันนี้ติดเชื้อ 14,575 คน เสียชีวิตรายใหม่ 114 ราย เป็นการระบาดในวงกว้าง แต่ถ้าดูแนวโน้มการติดเชื้อระดับประเทศ จะเห็นได้ว่ารายงานติดเชื้อรายใหม่อยู่ในลักษณะขาขึ้นสูงมากเพิ่มเป็น 2-3 เท่าในทุกสัปดาห์ แต่หากแยกเป็นรายพื้นที่ พบว่า การติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นตอนนี้พบมากที่ต่างจังหวัด ส่วนกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล แนวโน้มติดเชื้อรายใหม่ ไม่ได้เพิ่มสูงเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแนวโน้มสูงแต่เริ่มชะลอตัว เป็นผลจากมาตรการที่เราพยายามช่วยกันก็จะช่วยชะลอการติดเชื้อต่างๆ ลงมาได้มากขึ้น
แฟ้มภาพ