ศาสตราจารย์ ซูซาน ดวนชี(Susanna Duanchie) หัวหน้าทีมวิจัยของโครงการชื่อเดอะ พิตช์(The Pitch study) มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด อังกฤษ ซึ่งวิจัยเรื่องภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จากการศึกษาเปรียบเทียบระดับภูมิคุ้มกันของบุคลากรทางการแพทย์รวม 503 คน ซึ่งรับวัคซีนครบสองเข็ม จำแนกเป็นสองกลุ่ม
-กลุ่มแรก คือ กลุ่มที่รับวัคซีนตามกำหนดระยะเวลาที่ไฟเซอร์แนะนำคือ รับวัคซีนเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรกราว 3 สัปดาห์
-กลุ่มที่สอง รับวัคซีนเข็มที่สองห่างจากเข็มแรกราว 8 สัปดาห์
ทำการวิจัยระหว่างปลายปี 2563 ถึงต้นปี 2564 ทีมวิจัย พบว่า บุคลากรทางการแพทย์ในกลุ่มที่สองมีสารแอนติบอดีหรือสารภูมิคุ้มกันในร่างกายสูงขึ้นกว่ากลุ่มแรก
ด้านดร.รีเบ็กกา เพน(Rebecca Payne)จากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า ทีมวิจัยพบว่าหลังการฉีดวัคซีนเข็มแรก ระดับสารแอนติบอดีในร่างกายยังไม่สูงมากนัก แต่น่าสังเกตว่า ระดับของที-เซลล์ (T-cells) หนึ่งในเซลล์ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายยังอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร ระบุว่า การรับวัคซีนให้ครบสองเข็ม แม้ว่าระยะเวลาการฉีดเข็มที่สองอาจจะห่างจากกำหนดเวลาเดิมที่ไฟเซอร์แนะนำเล็กน้อยจะช่วยป้องกันโรคโควิด-19 สูงกว่าการรับวัคซีนเพียงเข็มเดียว อีกทั้งช่วยป้องกันเชื้อไวรัสทั้งสายพันธุ์เดลตาและอัลฟา อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลวิจัยเช่นนี้นับว่าส่งผลดีต่อนโยบายด้านวัคซีนของรัฐบาลอังกฤษ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอังกฤษหวั่นเกรงว่าในระยะแรกๆของการผลิตวัคซีนปลายปีก่อน ไฟเซอร์อาจจะส่งมอบวัคซีนให้กับอังกฤษล่าช้า อาจจะกระทบโครงการกระจายวัคซีนของอังกฤษในอนาคต รัฐบาลอังกฤษจึงตัดสินใจเลื่อนระยะเวลาการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้ช้ากว่าเข็มแรก 8-12 สัปดาห์ อีกทั้งจะช่วยให้ประชาชนจำนวนมากมีโอกาสรับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็ม
Cr: bbc