ศูนย์พักคอยกทม. พร้อมรับผู้ป่วยโควิดกว่า 6,000 เตียง
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ หรือ Community Isolation เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจรับรองว่าติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มศักยภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยตกค้าง รวมทั้งป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต โดยมีเป้าหมาย 1 เขต 1 ศูนย์พักคอย
-ขณะนี้ กรุงเทพมหานคร สามารถจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อเพิ่มได้ถึง 53 แห่ง รวมจำนวน 6,013 เตียง เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่ไม่สามารถแยกกักตัวที่บ้านได้ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องให้เข้าสู่กระบวนการดูแลรักษาที่เหมาะสม
-ข้อมูลวันที่ 22 ก.ค. 64 ระบุว่า ศูนย์พักคอยที่พร้อมเปิดให้บริการรับผู้ป่วยแล้ว 23 แห่ง ในพื้นที่ 21 เขต สามารถรับผู้ป่วยได้จำนวน 3,390 เตียง แบ่งเป็น
*กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ จำนวน 5 ศูนย์ รับผู้ป่วยได้ 718 เตียง
*กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง จำนวน 4 ศูนย์ รับผู้ป่วยได้ 572 เตียง
*กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ จำนวน 3 ศูนย์ รับผู้ป่วยได้ 606 เตียง
*กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก จำนวน 4 ศูนย์ รับผู้ป่วยได้ 696 เตียง
*กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ จำนวน 4 ศูนย์ รับผู้ป่วยได้ 448 เตียง
*กลุ่มเขตกรุงธนใต้ จำนวน 2 ศูนย์ รับผู้ป่วยได้ 270 เตียง
-สำหรับศูนย์ที่ยังไม่เปิดให้บริการ เนื่องจาก อยู่ระหว่างการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในของสถานที่ให้มีความเหมาะสม
-ศูนย์แต่ละแห่งต้องกำหนดสัดส่วนการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถเข้าดูแลผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยและต้องคำนึงถึงความสะดวกและสุขอนามัยที่ดีของผู้ป่วยทุกคนด้วย
-ศูนย์แต่ละจุด กำหนดจุดคัดกรองผู้ป่วย จุดวัดอุณหภูมิและวัดค่าออกซิเจน จุดบริการอาหารและน้ำดื่ม มีการติดตั้งเตียง จัดวางที่นอน พร้อมตรวจสอบและติดตั้งระบบไฟฟ้า ระบบเสียงตามสาย ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV ระบบอินเตอร์เน็ต ติดตั้งพัดลม ฉีดพ่นยากำจัดยุงลาย ทำความสะอาดห้องน้ำและห้องสุขา ความพร้อมของระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบกำจัดขยะทั่วไปและขยะติดเชื้อ พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับประชาชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง
-เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่เทศกิจและประสานสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ร่วมดูแลความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
-กรุงเทพมหานคร จะทยอยเปิดให้บริการศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อที่เหลือภายในเดือนก.ค.ถึงต้นเดือนส.ค.64
แพทย์ชนบท เสนอเพิ่มจุดตรวจ-กระจายการใช้ ATK อย่าให้ปชช.ไปตรวจRT-PCR เอง
ชมรมแพทย์ชนบท ได้ทำการตรวจ Swab คนกรุงเทพฯ ทั้ง 2 รอบกว่า 40,000 คนแล้ว ได้ฟังเสียงของคนกรุงเทพฯมาไม่น้อย พบผลบวกเกินกว่าร้อยละ 10 เราพบว่าแม้เราจะช่วยได้บ้าง แต่ก็ช่วยคนกรุงเทพฯได้ชั่วคราว หน่วยงานในกรุงเทพฯต้องระดมความร่วมมือช่วยกันเองให้มาก จึงจะสร้างความหวังได้
ชมรมแพทย์ชนบท จึงขอเสนอว่า
1. ขอให้ ศบค.กทม. กรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลต่างๆ และหน่วยงานต่างๆในเมืองหลวง ต้องช่วยกันเพิ่มจุดตรวจโควิด-19 ให้มากขึ้นอีกหลายๆเท่า ให้เพียงพอกับสถานการณ์การระบาดที่หนักหน่วง
2. ขอให้โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามทุกแห่ง ยอมรับผลของ Rapid AntigenTest และอย่าได้ผลักภาระการตรวจ RT-PCR ให้เป็นภาระของคนไข้ที่เขาต้องไปหาที่ตรวจเอง ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่ง ควรเป็นหน้าที่ของโรงพยาบาลที่จะต้องตรวจยืนยันให้เขา
3. ขอให้รัฐบาลส่งเสริมให้มีการตรวจโควิด-19 ด้วยตนเองโดย Antigen Test Kit ให้กว้างขวาง ทั้งด้วยการส่งให้ตรวจฟรีสำหรับคนที่ร้องขอ หรือการวางขายตามร้านขายยา โดยที่มีการควบคุมคุณภาพและควบคุมราคาให้เหมาะสม
ทั้งสามข้อจะทำให้ทั้งประชาชนคนกรุงและต่างจังหวัดเข้าถึงการตรวจโควิด-19 ได้มากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่า การรู้ตัวว่าตนเองติดโควิด-19 คือ หัวใจของการควบคุมโรค
CR:ชมรมแพทย์ชนบท
ซีดีซี เร่งพิจารณาข้อมูลการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้คนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
คณะที่ปรึกษาศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือซีดีซี สหรัฐฯ เริ่มการพิจารณาหลักฐานที่ชี้ว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 3 หรือบูสเตอร์ สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โดยการเปรียบเทียบกับชุดข้อมูลของผู้ที่มีสุขภาพดี ในข้อมูลในเบื้องต้นที่นำเข้าสู่ที่ประชุม ระบุว่า การฉีดวัคซีนเพิ่มเติมให้แก่ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอจะช่วยเพิ่มระดับของแอนติบอดี แต่การพิจารณาในครั้งนี้ยังไม่มีการลงคะแนนเสียงแนะนำว่าควรให้วัคซีนเพิ่มเติมหรือไม่ โดยอาจมีการตัดสินใจเพิ่มเติมในการประชุมในภายหลัง เนื่องจากยังมีรายงานการเกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA
ปัจจุบันมีผู้ใหญ่ชาวอเมริกันประมาณร้อยละ 2.7 มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ รวมถึงผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ มะเร็ง และผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิตจากโควิด-19
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อิสราเอลเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เข็มที่ 3 ให้กับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอรวมถึงผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจ ปอด ไต หรือตับ และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคน เชื่อว่า ซีดีซี จะให้คำแนะนำที่คล้ายกัน โดยในขณะนี้คำแนะนำของซีดีซี คือขอให้ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอให้ใช้ความระมัดระวังแม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วก็ตาม
ออสเตรเลีย อนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิดของไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 12 ถึง 15 ปี
นายเกรก ฮันท์ รัฐมนตรีสาธารณสุขของออสเตรเลีย อนุมัติให้ขยายการใช้วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์จากปัจจุบันที่ให้ใช้ในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 16 ปี เป็นการใช้ในกลุ่มเด็กอายุ 12 ถึง 15 ปี เพื่อเร่งควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาที่มีการระบาดรุนแรงใน 3 รัฐ
นายฮันท์ เปิดเผยว่าการอนุมัตินี้เป็นไปตามคำแนะนำของฝ่ายบริหารสินค้าเพื่อการบำบัด ที่มีการประเมินหลักฐานในประเทศและต่างประเทศอย่างละเอียด โดยเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักรก็ได้ให้คำแนะนำให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์ในกลุ่มเด็ก ซึ่งนายฮันท์เปิดเผยด้วยว่า ในขั้นต่อไป คณะกรรมการฉีดวัคซีนของออสเตรเลียจะออกคำแนะนำเกี่ยวกับลำดับและเวลาที่จะฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเด็ก
ออสเตรเลียมีผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันสะสมประมาณ 32,400 คน และผู้เสียชีวิต 915 ราย แต่รัฐบาลถูกตำหนิว่าเริ่มต้นโครงการฉีดวัคซีนล่าช้า โดยมีประชากรผู้ใหญ่เพียงไม่ถึงร้อยละ 15 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว
นายกฯ เช็ก ไม่พอใจมีนักกีฬาโอลิมปิกติดเชื้อโควิด 6 คน
นายกรัฐมนตรี อันแดรย์ บาบิช แห่งสาธารณรัฐเช็ก กล่าวตำหนิทีมกีฬาโอลิมปิกของสาธารณรัฐเช็ก ที่มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ 6 คนในโตเกียว 2020 มีผลตรวจโควิด-19 ว่าเป็นเรื่อง “อื้อฉาว” และเขารู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะรัฐบาลมีการรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง การที่นักกีฬาติดเชื้อทำให้ต้องออกจากการแข่งขันจึงเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมสำหรับนักกีฬาเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ นักกีฬาของเช็ก 4 คนและเจ้าหน้าที่ 2 คนรวมถึงแพทย์ประจำทีมซึ่งถูกตรวจพบว่าติดเชื้อในระหว่างการตรวจโควิด-19 ที่หมู่บ้านนักกีฬากรุงโตเกียว ซึ่งนายทิบอร์ อัลโฟดี โฆษกคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งเช็ก ระบุว่า ทั้งหมดเดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกันซึ่งเป็นเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากเช็ก และคณะกรรมการโอลิมปิกของเช็ก ได้เปิดการสอบสวนแล้ว โดยในเบื้องต้นมีการคาดการณ์จะเป็นการติดเชื้อในระหว่างการเดินทาง