ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา เสนอ 2 ทางเลือก ลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19

02 กรกฎาคม 2564, 21:41น.


          จากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่เตียงไอซียู รองรับผู้ป่วยวิกฤตก็ยังไม่เพียงพอ ประกอบกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แม้จะเดินหน้าฉีด แต่ก็ยังมีปัญหาที่น่าวิตกถึงจะทันการการระบาดของสายพันธุ์เดลตา(อินเดีย) ที่กำลังเข้ามาแทนที่สายพันธุ์อัลฟา(อังกฤษ) ได้หรือไม่นั้น



          นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญในด้านระบาดวิทยา ระบุว่า บรรยากาศของประเทศไทยตอนนี้ เหมือนกับเรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ โดยช่วง 3 เดือนจากนี้ คือเดือน ก.ค.-ก.ย.นี้ เรากำลังเลือกเอาว่าเราจะสามารถเปิดประเทศได้ หรือเรากำลังก้าวเข้าสู่วิกฤตที่กำลังถลำลึกลงไปอีกโดยได้เสนอข้อเท็จจริง และทางเลือก 2 ทางเลือกที่จะฝ่าวิกฤตรอบนี้ จึงอยากจะขอให้ทุกฝ่ายช่วยคิดตาม ขณะนี้เราอยู่ในระลอก 3 จากสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) ที่ติดต่อได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เราตั้งตัวไม่ทัน เรามีคนไข้เสียชีวิตประมาณ 50 คนต่อวันในขณะนี้ คำถามว่าเดือนหน้า เดือนถัดไป อัตราการเสียชีวิตจะเป็นอย่างไรบ้างผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดลงความเห็นตรงกันว่าสถานการณ์จะแย่กว่าเดิม เหตุผลเพราะสายพันธุ์ใหม่หรือสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) เข้ามายึดครองการระบาด ซึ่งข้อมูลของกรุงเทพมหานครตอนนี้อยู่ที่ 40% แล้ว ในไม่ช้าเดือนนี้หรือเดือนหน้าจะเป็นเชื้อเดลตาทั้งหมด ซึ่งสายพันธุ์นี้ มีความสามารถในการแพร่เชื้อเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม 1.4 เท่า แต่ถ้าเราต้องการลดการเสียชีวิต เราสามารถเปลี่ยนยุทธศาสตร์ได้ด้วยการใช้ยุทธศาสตร์แบบมุ่งเป้า



          ซึ่งเดิมเราใช้ยุทธศาสตร์ 2 ขั้นตอนระยะแรกคือมุ่งเป้าฉีดคนสูงอายุและกลุ่มเสี่ยงให้จบภายในเดือนก.ค.-ส.ค.แต่ตอนหลังเนื่องจากเรามีความต้องการเยอะมาก เราต้องการให้ภาคโรงงานไม่เจ็บป่วย เราต้องการควบคุมการระบาด เวลาเกิดการระบาดในชุมชนเราจะไปฉีดวัคซีน เราต้องการเปิดโรงเรียนเราก็เอาวัคซีนไปให้กับสถาบันต่างๆ เราต้องการเปิดแหล่งท่องเที่ยวเอาวัคซีนไปให้ ซึ่งเป็นความคิดที่ดีแต่การจะทำอย่างนั้นได้มีเงื่อนไขสำคัญ คือ 1. เราต้องมีวัคซีนไม่จำกัดมีมากเพียงพอ 2. เรามีขีดความสามารถในการฉีดได้อย่างรวดเร็ว เพราะสปีดการแพร่ระบาดเร็วมาก ตอนนี้ทุกประเทศยอมรับกันหมดว่าไม่มีประเทศไหนที่จะมีวัคซีนไม่จำกัดแม้กระทั่งอเมริกา อังกฤษหรือยุโรปซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนเอง ยอมรับว่า ไม่สามารถใช้วิธีการฉีดปูพรม สร้างภูมิฯ หมู่ได้อย่างรวดเร็ว จึงมาใช้การลดการป่วยการเสียชีวิตก่อน



          หากสังเกตรอบ 1 เดือนมาขีดความสามารถในการฉีดวัคซีนของไทยไม่ได้เป็นคำถาม เพราะเราฉีดได้ 10 ล้าน คนแต่ใน 10 ล้านคนเมื่อดูแล้วคนสูงอายุได้แค่ร้อยละ10% ถ้าเราเดินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเพิ่มไปได้แค่เดือนละ 10% เราอาจจะต้องใช้เวลา 7-8 เดือนกว่าจะป้องกันคนสูงอายุได้



เพราะฉะนั้นเรามีทางเลือก 2 ทาง คือ



ทางเลือกที่ 1  คือ ทำแบบเดิมจะเห็นผลก็ต่อเมื่ออีก 5-6 เดือนซึ่งจะไม่ทันกับปัญหาวิกฤตของเตียง



ทางเลือกที่ 2  คือ เปลี่ยนเอาวัคซีนที่มีอยู่ในมือ ถ้าเรายอมรับว่า วัคซีนมีอยู่จำกัด และพยายามหามาเดือนละ 10 ล้านโดสนั้น แต่ถ้าเผื่อไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ เอาวัคซีนที่มีทั้งหมดในมือมาทำความตกลงกันไว้ตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี ศบค.ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องวางเป้าหมายแรกลดเจ็บหนักและเสียชีวิตในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงก่อน ซึ่งเรามีกลุ่มนี้ 17.5 ล้านคน ตอนนี้เราฉีดได้ 2.5 ล้านคน อีก 15 ล้านคนเราต้องการฉีดให้จบภายใน 2 เดือน คือ ก.ค.- ส.ค. เพื่อลดการเสียชีวิตได้แทนที่จะเป็นหลักพันคนในเดือนก.ค. แต่พอเดือนส.ค. จะเหลือประมาณ 800 คนเดือน ก.ย. จะเหลือประมาณ 600-700 คน หรือวันละประมาณ 20 คน ซึ่งอยู่ในวิสัยที่ระบบสาธารณสุขยังเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งในอังกฤษ อเมริกาก็ทำ แม้ยังมีจำนวนคนติดเชื้อ แต่คนตายไม่เยอะก็จะไม่มีปัญหาเท่าไร ที่สำคัญ ศบค. สามารถออกคำสั่งให้ผู้ว่าฯดำเนินการ หากไม่มีไกด์ไลน์ชัดเจน ผู้ว่าฯก็จะไม่สามารถจัดการได้ แต่หากมีชัดเจน ก็จะทำได้ทันที

ข่าวทั้งหมด

X