ปลัด มท. ยกเลิกคำสั่งจัดหาวัคซีนให้พนง.ไทยเบฟกว่า 7หมื่นคน
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ในฐานะผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแจ้งให้ยกเลิกคำสั่ง มท 0230/ว 3464 ลงวันที่ 17 มิ.ย. 64 กรณีที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด จัดหาวัคซีนให้บริษัท พนักงานและครอบครัวพนักงาน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กว่า 70,000 คนแล้ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน ตามเจตนารมณ์ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.)
ก่อนหน้านี้ ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ไม่ใช่การจัดสรรวัคซีน เป็นการสำรวจความต้องการวัคซีนขององค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
-บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
-กลุ่มอาชีพเสี่ยงติดเชื้อ
-ผู้มีอาชีพกิจการที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน เช่น สาธารณูปโภค อาหาร ยา
-ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีโรคประจำตัวและประชาชนทั่วไป
กทม.เตรียมใช้มาตรการ Bubble and Seal - ทำรพ.สนาม คุมติดเชื้อคลัสเตอร์ย่านโบ๊เบ๊
การยกระดับควบคุมการติดเชื้อโควิด-19 เป็นคลัสเตอร์ในย่านโบ๊เบ๊ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างแรงงานต่างด้าว เนื่องจากอยู่อาศัยอย่างแออัด ทำให้มีโอกาสนำเชื้อมาติดนายจ้างหรือผู้ร่วมงานชาวไทย
กรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.อ.ชินทัต มีศุข ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสรุปว่า
-เร่งตรวจหาเชื้อให้เจ้าของแผงค้าและกลุ่มแรงงานทั้งชาวไทยและต่างด้าว
-ขอให้มีโรงพยาบาลสนาม สำหรับแรงงานต่างด้าว
-ขอให้พิจารณาสนับสนุนวัคซีนสำหรับพื้นที่แพร่ระบาดทำให้ผู้ค้าและคนซื้อปลอดภัย
-อาจนำมาตรการ Bubble and Seal มาปรับใช้ โดยจะต้องมีการทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการและผู้อยู่อาศัยก่อนการ Seal
-หากที่พักดังกล่าวมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง อาศัยร่วมอยู่ด้วย และไม่สามารถแยกกักได้ อาจจำเป็นต้อง Local Quarantine (LQ) เพิ่มเติม เพื่อแยกกักกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว
-เตรียมล่ามแปลภาษา เพื่อสื่อสารกับแรงงานต่างด้าว
-จัดทำทะเบียนผู้ค้า ด้วยการให้เพิ่มเติมข้อมูลผลการตรวจหาเชื้อในทางเดินหายใจ (PCR) ครั้งล่าสุด และวันที่ตรวจ พร้อมทั้งจัดทำรายชื่อแรงงานต่างชาติอย่างเป็นระบบ ทั้งในอาคารโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ ตลาดผลไม้ และแผงลอยบริเวณโดยรอบ
-จัดทำบัตรประจำตัวสำหรับผ่านเข้า-ออก พื้นที่ให้ผู้ค้า ทั้งในส่วนของเจ้าของแผงค้าและลูกจ้างแผงค้าที่มีผลตรวจเป็นลบ
-หากร้านค้าหรือแผงค้าใดมีผู้ติดเชื้อให้ปิดกิจการ 14 วัน และกักผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
-ชุมชนรอบโดยรอบ ให้สำรวจหอพักหรือบ้านเช่าที่มีสภาพเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น มีผู้พักอาศัยจำนวนมาก มีการใช้ห้องน้ำรวม เป็นต้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้ความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด-19 รวมถึงการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด
CR:กรุงเทพมหานคร
เร่งตรวจหาเชื้อยกหมู่บ้าน ประกาศให้ ต.ตับเต่า จ. เชียงรายเป็นพื้นที่ควบคุม
การควบคุมการติดเชื้อคลัสเตอร์ภูชี้ฟ้า ต.ตับเต่า อ.เทิง จ. เชียงราย เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจหาเชื้อหรือ Swab ประชาชนแบบยกหมู่บ้านและตำบล วันละประมาณ 200 คน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 28 คน อยู่ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย 7 คน และ อ.เทิง 14 คน นอกจากนี้ยังแพร่ระบาดไปยังพื้นที่ อ.เชียงคำ อ.ภูซาง จ.พะเยา รวมพบผู้ป่วยสะสมในคลัสเตอร์นี้ 92 คน และหลายหมู่บ้านต้องล็อกดาวน์รวมทั้งเข้มงวดสถานที่ต่างๆ เช่น ตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ได้ประกาศให้ ต.ตับเต่า เป็นพื้นที่ควบคุมและมีการล็อกดาวน์หมู่บ้านต่างๆ เพื่อป้องกันการระบาดแล้ว
ส่วนต้นทางของเชื้อ มีรายงานคาดว่า มาจากหญิงสาวที่เป็นผู้ป่วยรายแรกๆ ปัจจุบันยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เพราะมีพฤติกรรมไปทำงานนอกพื้นที่แล้วกลับมาสัมผัสใกล้ชิดกับคนใน ต.ตับเต่า หลายคนทำให้เชื้อกระจายออกไป
ขณะที่ ชายที่มาจาก จ.ชลบุรี และเดินทางมาที่ ต.ตับเต่า เมื่อปลายเดือน พ.ค.64 ก่อนเดินทางกลับ จ.ชลบุรี ต้นเดือน มิ.ย.64 พบว่าไม่ใช่ต้นเหตุเพราะได้มีการกักตัวเมื่อถึง ต.ตับเต่า เป็นเวลา 14 วันแล้ว และหลังจากกักตัวจึงเดินทางกลับชลบุรีและไปพบอาการติดเชื้อนอกพื้นที่ จ.เชียงราย
ยะลา พบผู้ติดเชื้อ 27 คน สายพันธุ์เบต้า ต้องกักตัว 21 วัน
การสอบสวนโรคโควิด-19 จากคลัสเตอร์ศูนย์มัรกัสยะลา ที่บ้านเปาะยานิ หมู่ 3 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา นพ.สงกรานต์ ไหมชุม สาธารณสุขจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า มีการแพร่เชื้อโควิด-19 ไปแล้ว 190 คน ใน 12 จังหวัดทั่วภาคใต้
-จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อโควิดจากคลัสเตอร์แห่งนี้ถึง 27 คน จึงขอให้บุคลากรในโรงเรียน ครอบครัว นักเรียน ผู้สัมผัสใกล้ชิด รีบรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่และขออย่าปกปิดข้อมูล หากไม่มารายงานตัวอาจมีความผิดตามกฎหมายได้ โดยเชื้อที่พบจากคลัสเตอร์นี้เป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์เบต้า ซึ่งระบาดในทวีปแอฟริกา และอาจต้องขยายเวลากักตัวเป็น 21 วัน
นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ออกคำสั่งควบคุมการแพร่ระบาดในศูนย์ดะวะห์แห่งประเทศไทย (ศูนย์มัรกัสยะลา) และมัรกัสตาเซะ (เมดานมาดีนาตุลนูร) ห้ามนักเรียนกลุ่มญะมาอะห์ตับลีฆ และบุคคลอื่นใดเข้า-ออกพื้นที่ดังกล่าว หากมีความจำเป็นอย่างยิ่งให้ขออนุญาตต่อประธานศูนย์ดะวะห์แล้วแต่กรณี และต้องรายงานตัวให้สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองยะลาทราบ
มีรายงานว่า ในจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นล่าสุด มี 1 ราย เป็นเพศหญิง เป็นบุคลากร ร.ร.คณะราษฎรบำรุง จ.ยะลา สอบสวนโรคพบว่า ผู้ป่วยพร้อมคณะครูไปรับบริการฉีดวัคซีนที่อาคารศรีนิบง ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 มิ.ย.64 ปรากฏว่า วันที่ 13 มิ.ย.64 ตรวจพบบุคคลในครอบครัวมีผลจากการตรวจหาเชื้อเป็นบวก วันรุ่งขึ้นจึงไป Swab ที่ สนง.สาธารณสุข อ.เมืองยะลา และพบว่าติดเชื้อ ขณะนี้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาใน รพ.ศูนย์ยะลา
จากกรณีดังกล่าว ทำให้นายนพปฎล มุณีรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จ.ยะลา ได้ประกาศปิดโรงเรียน 3 วัน คือ 16-18 มิ.ย.64 เพื่อควบคุมการระบาด
ผู้ว่าฯยะลา สั่งปิดตลาดสดทุกแห่งในอ.บันนังสตา ถึง 30 มิ.ย.
นายชัยสิทธิ์ ออกคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงในพื้นที่อ.บันนังสตา เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน อ.บันนังสตา และมีแนวโน้มการแพร่เชื้อสูงขึ้น
จากการสอบสวนโรคพบว่าสาเหตุเกิดจากการสัมผัสบุคคลที่ติดเชื้อมาจากต่างพื้นที่แล้วกลับไปทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว ชุมชน รวมทั้งมีความเสี่ยงในสถานที่ที่มีการรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เช่น ตลาดสด ตลาดนัด จึงออกคำสั่งปิดตลาดนัดในเขตพื้นที่ อ.บันนังสตา ทุกแห่ง จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.64 หากผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามกฎหมาย