สธ.แจงปัญหาจัดสรรวัคซีน เน้นพื้นที่ระบาดมาก คำนึงถึงเข็ม 2 ด้วย
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงแผนบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 หลังจากมีข่าวบางจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่มีวัคซีนให้บริการ โดยระบุว่า หากวัคซีนมาทีละหลัก 5,000,000-10,000,000 โดส การจัดการจะง่าย หารเอาจากจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ได้เลย แต่ปัญหาคือ วัคซีนทยอยมาบางครั้งเป็นหลักแสนโดส และหลักล้านโดส ไม่ได้เข้ามาในวันที่แน่นอน แต่ต้องกระจายให้ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ทีมทำงานก็ต้องจัดการจากวัคซีนที่ได้รับมาอย่างจำกัดไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามความเหมาะสม การบริหารจัดการจึงต้องคำนึงถึงความต้องการของแต่ละพื้นที่ที่ไม่เท่ากัน พื้นที่ที่มีการระบาดมาก และได้รับผลกระทบอย่างสาหัสย่อมต้องการมาก
ผู้ทรงคุณวุฒิระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ระบุอีกว่า อีกประเด็นคือ วัคซีนโควิด-19 ต้องฉีด 2 เข็ม ดังนั้นผู้ปฏิบัติงานต้องคำนวณการให้บริการที่ต้องสอดคล้องกับความสามารถในการฉีด และจำนวนวัคซีนที่จะเข้ามาแต่ละล็อต เพราะหากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งฉีดเข็ม 1 ให้ประชาชนจบในวันเดียว 2,000 โดส หากวันที่ต้องฉีดเข็ม 2 มีประชาชนที่ต้องมารับบริการเข็ม 1 จำนวน 1,000 โดส เท่ากับต้องฉีดรวดเดียวทั้งเข็ม 1-2 ถึง 3,000 โดส จะเกินกำลังไปหรือไม่ จึงขอให้เข้าใจข้อจำกัดในการทำงาน หากมีปัญหาข้อใดกระทรวงสาธารณสุขจะขอน้อมรับไว้และหาทางแก้ไขตามข้อเท็จจริงอย่างเหมาะสมต่อไป
รพ.มงกุฏวัฒนะ รับดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่เริ่มมีอาการปานกลาง ลดผู้ป่วยอาการหนัก
พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และโรงพยาบาล สนามพลังแผ่นดิน เปิดเผยในเฟซบุ๊ก ระบุว่า ประกาศโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชน โดยเฉพาะโรงพยาบาลสนามต่างๆ สามารถส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 ที่เริ่มมีอาการปานกลาง(ผู้ป่วยจัดชั้นที่เริ่มจัดชั้นเป็นผู้ป่วยสีเหลือง) โดยตรงที่หน่วยประสานงานรับการส่งต่อผู้ป่วยโรคติดเชื้อที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ที่ 02-574-5000 ต่อ 8017 [ในวันเวลาราชการ ส่วนนอกเวลาราชการสามารถประสานกับผู้ตรวจการพยาบาลเวร]
สำหรับการส่งต่อผู้ป่วยอาการหนักหรือวิกฤต ยังคงต้องติดต่อประสานงานผ่านศูนย์ประสานงาน โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากกรมการแพทย์จะต้องควบคุมระบบการรักษาและการส่งต่อผู้ป่วยอาการหนักไว้อย่างเป็นระบบ
สาเหตุที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ จัดตั้งหน่วยประสานงานรับการส่งต่อผู้ป่วยโรคติดเชื้อขึ้น เนื่องจาก เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การรับย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ที่เริ่มมีอาการปานกลาง(ผู้ป่วยจัดชั้นที่เริ่มจัดชั้นเป็นผู้ป่วยสีเหลือง)จากโรงพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะ โรงพยาบาลสนามต่างๆ แต่เนิ่นๆ มายังโรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดิน จะสามารถหยุดยั้งความเลวร้ายไปสู่การเป็นผู้ป่วยอาการหนัก อาการวิกฤตได้ เป็นการลดจำนวนผู้ป่วยอาการหนัก(ผู้ป่วยจัดชั้นสีแดง) ลดจำนวนการเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิผล ทันการ ไม่ล่าช้า ไม่ทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เริ่มป่วยนั้นเสียโอกาสจนกลายเป็นผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนักหรือวิกฤตซึ่งยากแก่การรักษาจนเป็นเหตุแห่งการเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค.วันนี้ หารือและแสดงความกังวลจำนวนผู้ป่วยอาการหนัก 1,281 คน
ศบค.โคราช ชี้แจง ยังไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ศบค.จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประชุมออนไลน์ผ่านระบบซูมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมเปิดเผยว่า กรณีมีข่าวว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในพื้นที่ จ.นครราชสีมา 2 คน ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ซึ่งข้อเท็จจริงนั้น ปรากฏว่าผู้ป่วย 2 คนดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ
โรงพยาบาลภูเขียวได้ส่งตัวอย่างเชื้อของผู้ป่วย 2 คน มาให้ทางศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชสีมา วิเคราะห์เชื้อ และพบว่าเป็นเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา หลังจากนั้นในโลกโซเชียลได้พากันแชร์ข้อมูลว่าพบในพื้นที่ จ.นครราชสีมา
ดังนั้น ที่ประชุม ศบค.จึงขอแจ้งข้อเท็จจริงว่าเรื่องนี้เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันว่าขณะนี้ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
การติดเชื้อคลัสเตอร์ในรง.อุตสาหกรรม กระทบดัชนีความเชื่อมั่นเดือน พ.ค. ต่ำสุดในรอบ 11 เดือน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนพ.ค.64 พบว่า ปรับลดลงมาอยู่ที่ 82.3 จากเดือนก่อนที่ 84.3 ซึ่งลดลงต่ำสุดในรอบ 11 เดือน และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นที่ปรับลดลง เป็นผลจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ที่ยังไม่คลี่คลาย รวมถึงมีคลัสเตอร์ในโรงงานอุตสาหกรรมส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนยังมีความล่าช้า รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังชะลอตัว และอุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวได้ช้า
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังเผชิญกับปัญหาต้นทุนประกอบการปรับตัวสูงขึ้น ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เอสเอ็มอีประสบปัญหาขาดแคลนสภาพคล่องทางการเงิน และขาดเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทเนอร์ และอัตราค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูง และยังเจอปัญหาการขาดแคลนชิปอิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับปัจจัยบวกต่อความเชื่อมั่น ประกอบด้วย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น เราชนะ ม33เรารักกัน ช่วยสนับสนุนกำลังซื้อในประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลาย และเริ่มทยอยเปิดเมือง นอกจากนี้ ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ทำให้การส่งออกของไทยรับอานิสงส์
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยหลัก ทั้งเรื่องราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยน และสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ มีความกังวลลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลายและเริ่มทยอยเปิดเมือง โดยเฉพาะสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากความสามารถในการรับมือโควิด-19 ได้ดี
ข้อเสนอแนะภาครัฐ ให้เร่งรัดควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และเร่งกระจายวัคซีนให้กับประชาชนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็วที่สุด รวมถึงให้ภาครัฐออกมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งลดเงื่อนไขและข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อ
นอกจากนี้ ยังเสนอให้ภาครัฐออกมาตรการลดค่าน้ำและค่าสาธารณูปโภค 30% เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และเร่งแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น ภาคก่อสร้าง อุตสาหกรรมอาหาร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น รวมทั้งส่งเสริมการจ้างงานโดยเชื่อมโยงอุปสงค์และอุปทานด้านแรงงาน
ยูนิเซฟ เสนอกลุ่มจี 7 ทยอยบริจาควัคซีนให้ปท.ยากจนเป็นล็อต
น.ส.ลิลี คาปรินี หัวหน้าโครงการวัคซีนของกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ(Unicef)แสดงความกังวลว่าวัคซีนหลายล้านโดส อาจจะถูกปล่อยทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ ถ้าหากประเทศที่ร่ำรวย โดยเฉพาะกลุ่ม7 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกหรือกลุ่มจี-7 ใช้วิธีบริจาควัคซีนคงเหลือในปริมาณมากๆให้กับกลุ่มประเทศที่มีฐานะยากจนในลักษณะส่งมอบให้ครั้งเดียวเสร็จ อีกทั้งกลุ่มประเทศยากจนก็มีบุคลากรทางการแพทย์และทรัพยากรต่างๆไม่เพียงพอที่จะฉีดวัคซีนเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว โดย Unicef เสนอแนะว่า ในการส่งมอบวัคซีนให้กับกลุ่มประเทศยากจน ประเทศผู้บริจาคควรจะแบ่งวัคซีนเป็นหลายๆล็อต และส่งมอบให้กับผู้รับบริจาคตลอดทั้งปี จะเกิดผลดีต่อการบริหารจัดการวัคซีนสำหรับผู้รับบริจาคมากกว่าการส่งมอบวัคซีนบริจาคในปริมาณมากๆเพียงครั้งเดียว
ด้านกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงบันเทิงและการกีฬาของอังกฤษ เช่น บิลลี ไอลิช นักร้อง เดวิด เบคแฮม อดีตนักฟุตบอลชื่อดัง แอนดี เมอร์เรย์ นักเทนนิส และโอลิเวียร์ โคลแมน นักแสดง สนับสนุนเรื่องการรณรงค์ของ Unicef ให้กลุ่มประเทศร่ำรวยบริจาควัคซีนให้กับกลุ่มประเทศที่ยากจน พวกเขาร่วมลงชื่อในจดหมายฉบับหนึ่งเพื่อส่งถึงผู้นำกลุ่มจี-7 คือ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐฯซึ่งจะประชุมสดยอดที่เมืองคอรนวอลล์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ 11-13 มิ.ย.64 ขอให้กลุ่มประเทศร่ำรวยบริจาคร้อยละ 20 ของวัคซีนทั้งหมดของพวกเขาให้กับโครงการกระจายวัคซีนทั่วโลก (Covax) ขององค์การอนามัยโลก ภายในเดือนส.ค. 64 นี้ เพื่อให้โครงการนี้มีวัคซีนกว่า 150,000,000 โดส หรือมากพอที่จะทยอยกระจายวัคซีนไปทั่วโลก