ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 12.30น.วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564

24 พฤษภาคม 2564, 15:36น.


อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ฯ เผยพบสายพันธุ์แอฟริกา เพิ่มอีก 8 คน ในอ.ตากใบจ.นราธิวาส



          การตรวจเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกา ล่าสุด นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า หลังจากที่แล็บของโรงพยาบาลรามาธิบดี ตรวจหาเชื้อกลายพันธุ์ในผู้ป่วยโควิด-19 อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้ 3 คน ตามที่รายงานไปแล้ว โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็ขอให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12 สงขลา เก็บตัวอย่างจากพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพิ่มเติมทางศูนย์ส่งมา 18 ตัวอย่าง ตรวจได้ 15 ตัวอย่าง พบว่าเป็นสายพันธุ์แอฟริกาใต้ 8 ตัวอย่าง และที่เหลือเป็นสายพันธุ์อังกฤษ โดยเชื้อแอฟริกาใต้ยังอยู่ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส แต่ในนี้มี 2 ตัวอย่างที่เก็บจาก จ.ปัตตานี ซึ่งไม่พบเชื้อแอฟริกาใต้ ส่วนอีก 3 ตัวอย่างไม่มีคุณภาพตรวจสอบไม่ได้



         นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด และไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่พบใหม่ 8 คน เพื่อดูว่ามีความเชื่อมโยงกับ 3 คน ก่อนหน้านี้หรือไม่ แต่ที่ทราบตอนนี้ คือ ทั้งหมดอยู่ในคลัสเตอร์เดียวกัน ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส



          นอกจากนั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประสานกับผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพในพื้นที่ ขอให้เก็บเชื้อตัวอย่างจากจังหวัดรอบๆ มาจนถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และส่งมาให้เราตรวจเพิ่มเติม เพื่อแจ้งผลให้ทราบต่อไป



          สำหรับ การตรวจหาสายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ต่างจากการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ที่ทราบเพียงว่าติดเชื้อ แต่ระบุสายพันธุ์ไม่ได้ ซึ่งการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัส สามารถดำเนินการได้ 3 ระดับ คือ



1.การใช้น้ำยาตรวจเฉพาะจุดของไวรัสของสายพันธุ์นั้นๆ



2.การตรวจชิ้นส่วนหรือบางท่อนของไวรัส(Targeted Sequencing) โดยใช้เครื่องตรวจในห้องปฏิบัติการ (แล็บ)ขนาดใหญ่ รอผล 1-2 วัน และ



3.ตรวจจีโนมของไวรัสทั้งตัว(Genome Sequencing) ทำได้เฉพาะแล็บขนาดใหญ่และใช้เวลาหลายวัน



          โดยการตรวจหาสายพันธุ์ไวรัส ด้วยการตรวจจีโนมทั้งตัว ต้องใช้เวลานาน เราจึงตรวจในตัวอย่างเชื้อที่สุ่มมาก่อน และเมื่อพบว่ามีสายพันธุ์ใดก็จะขยายผลตรวจพื้นที่รอบนอกออกไปอีก เพื่อดูว่ามีการกระจายของสายพันธุ์นั้นๆ ไปที่ใดบ้าง




‘นพ.ยง’ชี้แจงข้อห้าม-การเตรียมตัวในการรับวัคซีน



          สารพัดคำถาม-ข้อห้ามหรือใครไม่ควรได้รับวัคซีนโควิด-19 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ“หมอยง”หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ว่า โควิด-19 วัคซีน ข้อห้ามหรือใครไม่ควรรับวัคซีน และการเตรียมตัว มีคำถามเข้ามามากจริงๆ จะรับวัคซีนได้ไหม ขอชี้แจงเลยว่าข้อห้ามสำหรับผู้ที่ไม่ควรรับวัคซีน



1.ผู้ที่รับวัคซีนแล้วเกิดแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง ถึงขั้นช็อก (Anaphylaxis) วัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่ถ้าให้เข็มแรกก็คงไม่มีใครรู้ ทุกคนจึงไม่อยู่ในข้อนี้ แต่ถ้าให้เข็มแรกแล้วแพ้รุนแรง เข็ม 2 ให้ไม่ได้แน่นอน ต้องเปลี่ยนชนิดวัคซีน ผู้ที่รู้ว่าแพ้ส่วนประกอบในวัคซีน ก็ไม่สมควรให้ ในทางปฏิบัติก็คงเป็นการยากพอสมควรที่แพ้ส่วนผสมในวัคซีน วัคซีนทั้งหลายขณะนี้ไม่มียาปฏิชีวนะ ไม่มีส่วนผสมของไข่ ดังนั้นผู้ที่แพ้ยา อาหาร หรือภูมิแพ้ต่างๆไม่ได้เป็นข้อห้ามแต่อย่างใด แต่ผู้ที่เคยแพ้อย่างรุนแรง หลังฉีดก็เฝ้าดูอาการอาจจะนานกว่าคนธรรมดาสักหน่อยก็ได้



2.ผู้ที่เจ็บป่วย มีไข้ หรือเป็นโรคปัจจุบันที่ต้องการการรักษา ผู้ป่วยวิกฤต ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะสุดท้ายของโรค และผู้ป่วยที่รักษา โดยเฉพาะนอนในโรงพยาบาล ก็ให้เลื่อนไปก่อน จนกว่าทุกอย่างอยู่ในสภาพคงที่แล้ว และกลับบ้านแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราจะเห็นว่าจะมีข้อห้ามเด็ดขาดน้อยมาก



          ดังนั้นผู้ที่มีโรคประจำตัว และดูแลรักษาอยู่มีภาวะคงที่ ถึงจะกินยาประจำ ก็สามารถให้วัคซีนได้ เช่นเดียวกับการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ถ้าทุกปีเราสามารถให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ ก็ไม่ได้มีข้อห้าม



          เบาหวาน ความดัน ก็สามารถฉีดวัคซีนได้ ถ้ารักษาและดูแลอยู่ตลอดอยู่แล้ว ยกเว้นเสียแต่ความดันที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือเบาหวานที่ยังควบคุมไม่ได้มีน้ำตาลสูงมาก ขนาดมีอาการที่ต้องรักษาในโรงพยาบาลก็ให้เลื่อนไปก่อน



          โรคประจำตัว โรคพันธุกรรมต่างๆ เช่นธาลัสซีเมีย ก็ไม่ได้เป็นข้อห้าม ยาที่รับประทานประจำ ก็ให้คงรับประทานยานั้นเหมือนปกติ ไม่มีความจำเป็นต้องงดยาก่อนฉีดวัคซีน การกินยากดภูมิต้านทาน ก็ไม่ได้เป็นข้อห้าม แต่ให้รู้ว่าถ้าฉีดวัคซีนภูมิต้านทานจะขึ้นได้ไม่ดี ถ้าจะหยุดยาก่อนควรปรึกษาแพทย์เพราะในบางครั้งถ้าหยุดยาแล้วโรคกำเริบก็ไม่ควรหยุด ฉีดไปดีกว่าไม่ฉีดถึงแม้ภูมิจะต่ำ ก็สามารถไปฉีดเพิ่มทีหลังได้ วัคซีนที่ฉีดทุกตัวเป็นเชื้อตายหรือแบ่งตัวไม่ได้อยู่แล้ว



-ผู้ป่วย HIV ก็สามารถฉีดได้ ยกเว้นเสียแต่ว่ากำลังมีอาการ หรือ cd4 น้อยกว่า 200 ก็ควรจะรักษาเสียก่อน ให้ทุกอย่างดีขึ้นแล้วรีบฉีดวัคซีน



-ผู้ที่กินยาละลายลิ่มเลือด ก็ให้กินต่อไป แต่หลังฉีดวัคซีน จะต้องกดรอยฉีดให้นาน 5-10 นาทีเพื่อป้องกันเลือดออกง่าย



-ใครทานกาแฟอยู่เป็นประจำทุกวัน ก็ทานไป ถ้าใครทานนานๆครั้ง ก็ไม่ควรทานกาแฟวันที่ฉีดวัคซีน หรือใครไม่ทานก็ไม่ควรทานวันฉีดวัคซีน เพราะจะทำให้หัวใจเต้นเร็ว และบีบเส้นเลือด ความดันจะขึ้นสูง คนที่ทานประจำ ร่างกายปรับตัวได้อยู่แล้ว ถ้าหยุดทานกาแฟ จะรู้สึกหงุดหงิด และปวดหัวเอาได้ง่ายๆ ไม่ได้มีข้อบ่งชี้ว่าผู้ที่ทานกาแฟเป็นประจำทุกวันต้องหยุดกาแฟ



-ผู้ที่ทานยาบีบเส้นเลือดเช่นยารักษาปวดหัวไมเกรน ถ้าหยุดได้ก็ควรจะต้องหยุด ถ้าปวดหัววันนั้นและหยุดไม่ได้ ก็เลื่อนวันฉีดออกไป



-วันฉีดวัคซีนไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ รับประทานอาหารให้เต็มที่แบบปกติ แต่ก็ไม่ต้องถึงกับกินน้ำหลายๆ ลิตรอย่างที่มีการพูดกัน ให้มั่นใจว่าร่างกายเราไม่ได้ขาดน้ำ ถ้าอย่างที่ส่งต่อกันให้กินวันละ5-6ลิตร ไม่แน่ใจว่าสถานที่ฉีด จะมีห้องน้ำให้เข้าเพียงพอหรือเปล่า ดูก็แล้วกันว่าถ้าสถานที่ไม่มีที่ปรับอากาศอากาศร้อนก็ทานน้ำให้มาก ถ้าอยู่ในห้องแอร์ที่เย็น ก็อย่าให้ขาดน้ำก็แล้วกันคงไม่ต้องถึงกับกินมากอย่างที่บอกในสื่อต่างๆ



          การเตรียมตัวฉีดวัคซีน ก็เหมือนอย่างที่เราไปฉีดวัคซีนกันทุกปีป้องกันไข้หวัดใหญ่ พักผ่อนให้พอ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ผ่อนคลาย เพราะสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ หลายคนเดินเข้ามาก็เกิดความกลัว วัดความดันก็พุ่งสูงกันหมด และหลังฉีดก็มีการเป็นลมได้ เหมือนกับที่เราพบบ่อยกับการเจาะเลือด แล้วหลายคนเป็นลม การเป็นลมดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการแพ้ยาฉีดแต่อย่างใด หน้าซีดจนหลายคนกลัว ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่เราเห็นกันบ่อยๆ ไม่มีอันตรายอย่างใดเลย



         ชีวิตทุกคนต้องเดินหน้า การฉีดวัคซีนก็ให้คิดว่าเหมือนอยู่ในภาวะปกติ ที่เราให้วัคซีนกันในชีวิตประจำวัน แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี



รัฐบาล กำชับฝ่ายความมั่นคง วางมาตรการคุมเข้มป้องกันลักลอบเข้าเมือง สกัดโควิด-19




          พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เรียกประชุมศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน  โดยมีรัฐมนตรีหลายคนร่วมประชุมด้วย เช่น  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย,นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม,ปลัดกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการทหารสูงสุดร่วมประชุม รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน ประกอบด้วย แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี อุบลราชธานี สระแก้ว และนราธิวาส ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ด้วย 



          พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำให้ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ กระทรวงแรงงาน ประสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้กลไกศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านของจังหวัด ร่วมกันคุมเข้มเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติด และสินค้าผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับการคุมเข้มมาตรการป้องกันควบคุมโรค ตั้งแต่พื้นที่ชายแดน ต่อเนื่องเข้ามาพื้นที่ชั้นในและเขตเมืองอย่างเป็นระบบ เน้นงานข่าวตามสืบจับขยายผลทำลายเส้นทางและโครงสร้างขบวนการลักลอบนำพาแรงงาน ตั้งแต่ต้นทางชายแดน ถึงปลายทางสถานประกอบการ พร้อมย้ำกับทุกส่วนราชการ หากมีการปล่อยปละละเลย หรือบกพร่องต่อหน้าที่ ต้องมีผู้รับผิดชอบ และจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทั้งวินัยและอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องสมประโยชน์ทุกระดับไม่มียกเว้น



ชัยภูมิ ติดเชื้อรายใหม่ 13 คน เป็นแรงงานในกรุงเทพฯ ติดโควิดแล้วกลับบ้าน



          สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19



-พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13 คน



-อยู่ที่ อ.แก้งคร้อ 10 คน  



-อยู่ที่ อ.คอนสวรรค์ 2 คน  



-อยู่ที่ อ.บ้านแท่น 1 คน 



-ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 294 คน  



-ผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน อ.อำเภอแก้งคร้อ  บางราย มีความเชื่อมโยงกับแคมป์คนงานก่อสร้างที่ตึกรัฐสภาแห่งใหม่ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯด้วย เนื่องจาก มีชาวจังหวัดชัยภูมิ ไปเป็นแรงงานในกรุงเทพฯ จำนวนมาก และทยอยเดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงวันที่ 20 พ.ค. 64และเสี่ยงที่จะนำโรคเข้ามาด้วย



          สำหรับกลุ่มแรงงานก่อสร้างที่เดินทางกลับบ้านเกิดในพื้นที่ อ.แก้งคร้อ ทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านศรีสง่า ตำบลช่องสามหมอ อ.แก้งคร้อ สั่งให้กักตัวอยู่ที่บ้าน 10 คน เนื่องจากพบว่ามาจากพื้นที่เสี่ยง พร้อมกับให้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 21 พ.ค.64 และผลตรวจออกเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 64 พบว่าติดเชื้อทั้งหมด โรงพยาบาลแก้งคร้อ จึงจัดรถมารับผู้ติดเชื้อไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว  



          เช่นเดียวกับที่อำเภอคอนสวรรค์ ที่มีแรงงานเดินทางกลับบ้านเกิดเช่นกัน ผลตรวจพบว่าติดโควิด-19 ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่พอใจ ที่แรงงาน 2 คน ไปทำงานในกรุงเทพฯ  ติดเชื้อโควิด-19  แล้วยังเดินทางกลับบ้าน  ทำให้ผู้นำชุมชนต้องไปไกล่เกลี่ยเจรจาจนสงบ พร้อมวางมาตรการคุมเข้มการเข้าออกหมู่บ้าน เพื่อป้องกันโรคระบาด




 



 




 

ข่าวทั้งหมด

X