วันนี้ สรุปแผนปูพรม
ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เน้นย้ำว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ จะต้องฉีดร้อยละ 70 ของทุกคนในประเทศไทย ภายในเดือน ธ.ค.64 ส่วนการกระจายวัคซีนว่าจะฉีดที่ไหน ลงทะเบียนอย่างไร ขอให้ติดตามประกาศจากทางจังหวัดที่ได้รับการกระจายวัคซีนตามจำนวนประชากร และมีการบริหารต่างกันในแต่ละจังหวัด
สำหรับกรุงเทพมหานครได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน ช่วยกันกระจายวัคซีนให้มากและเร็วที่สุด เช่น มหาวิทยาลัย ศูนย์ประชุม สนามกีฬา ศูนย์การค้า ก็สามารถเป็นจุดฉีดวัคซีนได้
ในวันนี้ จะมีการประชุมหาข้อสรุปและประกาศให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครรับทราบว่าจะมีการฉีดวัคซีนในจุดใดและลงทะเบียนอย่างไรบ้าง หลักการกระจายวัคซีนยังต้องยึดหลักความปลอดภัยและเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกที่สุด อะไรที่เป็นอุปสรรคทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ยากจะต้องนำมาคุยกัน ซึ่งจะต้องหาข้อสรุปในที่ประชุมวันนี้อีกครั้ง
ที่ประชุม ศบค.ได้พูดถึงกลุ่มเสี่ยง เช่น บุคลากรขนส่งสาธารณะ แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งกรุงเทพมหานคร รายงานตัวเลขในส่วนนี้มา แต่ยังไม่ทั่วถึง ซึ่งก็พยายามจะทำให้รวดเร็วที่สุด รวมทั้งบุคลากรทางการศึกษา นักเรียนที่ต้องไปเรียนต่างประเทศ และ พนักงานขนส่งอาหาร ร้านอาหาร และบุคลากรที่สร้างความสะดวกให้กับประชาชนในขณะที่ทำงานจากที่บ้าน(work from home) เช่น แกร๊บ ไลน์แมน ฟู๊ดแพนด้า
“หมอยง” แนะนำ คนหายป่วย ควรฉีดวัคซีน
นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่าโรคโควิด-19 เมื่อหายแล้วสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก เพราะภูมิต้านทานของผู้ป่วยจะเริ่มลดลงหลังหายป่วย 6 เดือน และจะลดลงเรื่อยๆ ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคโควิด-19 และหายแล้ว ควรได้รับวัคซีนป้องกันอย่างน้อย 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่หายป่วยมาแล้ว ถ้าเพิ่งหายป่วยในช่วง 3-6 เดือน ควรได้รับอย่างน้อย 1 ครั้ง ผู้ที่หายป่วยมาแล้วเกินกว่า 6 เดือนขึ้นไป ควรจะได้รับวัคซีนให้ครบ 2 ครั้ง อยากเชิญชวนคนที่หายป่วยในระลอกที่ 3 เข้ารับวัคซีน สามารถสอบถามได้ที่โทร. 0-2256-4929
นายกฯ สั่งเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ผู้ประกันตนใน กทม.และ 9 จังหวัดเศรษฐกิจ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องการฉีดวัคซีนให้กลุ่มผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ว่า กลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 เป็นกลุ่มแรงงานที่มีความสำคัญ ที่มีอาชีพต้องสัมผัสคนจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศ การเตรียมการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ประกันตนนี้ จะเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง ภาค เอกชน โดยพร้อมฉีดตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.64 กำชับให้ฉีดให้ต่อเนื่องและรวดเร็วที่สุด เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตภาคบริการฟื้นตัวได้โดยเร็ว
ขณะที่สำนักงานประกันสังคมจะประสานกับนายจ้างของแต่ละบริษัทให้ส่งข้อมูลลูกจ้างที่จะฉีดวัคซีน เพื่อจัดสรรเวลาการฉีดวัคซีนให้ผู้ประกันตน ระยะแรกจะเน้นการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนในกรุงเทพมหานคร ระยะถัดไปจะเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้ประกันตนใน 9 จังหวัดเศรษฐกิจ จากนั้นจะฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนในจังหวัดที่เหลือต่อไป
ในกรุงเทพมหานครจะมีจุดฉีดวัคซีน 45 แห่ง จุดฉีดวัคซีนใน 9 จังหวัดเศรษฐกิจ 22 แห่ง ผู้ประกันตนทุกคนจะต้องได้รับการฉีดวัคซีน ที่จะป้องกันโรคให้กับตัวเอง คนรอบข้าง ผู้เข้ามารับบริการ เพื่อให้กิจการและเศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้
นนทบุรี ปิดตลาดสินทอง 8 วัน ลูกจ้างเมียนมา ติดเชื้อ
ศูนย์ปฏิบัติการโควิด-19 จ.นนทบุรี รายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 78 คน สาเหตุติดเชื้อส่วนใหญ่ในสถานที่ทำงาน ครอบครัว เรือนจำ และ ตลาดสด
นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรี เทศบาลนครนนทบุรี พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตรวจคัดกรองเชิงรุกหาเชื้อโควิด-19 ประชาชนในชุมชนดอนเจดีย์แมนชั่น ชุมชนซอยโรงน้ำแข็ง ซอยนนทบุรี 20 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี
ส่วนที่ตลาดสินทอง ตรงข้าม รพ.พระนั่งเกล้า ต.บางกระสอ ปิดตลาดตั้งแต่วันที่ 18-25 พ.ค.64 เนื่องจากมีลูกจ้างขายผักชาวเมียนมาติดเชื้อโควิด-19
เขตบางกะปิ ตรวจ Swap เตรียมเสนอปิดตลาดบางกะปิเพิ่มเป็น 14 วัน
ตั้งแต่วันนี้ถึงวันเสาร์ 20-22 พ.ค.64 สำนักงานเขตบางกะปิ ปิดตลาดบางกะปิ 3 วัน เพราะพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 บริเวณตลาดบางกะปิ ช่วงซอยลาดพร้าว121ถึงซอยลาดพร้าว 127 และใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก เพื่อป้องกันการระบาด ทั้งนี้ ผู้ฝ่าฝืนอาจมีความผิดตาม พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ อาจมีความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
นายวีรภัทร์ พันธุ์หาญ ผู้อำนวยการเขตบางกะปิ พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่แจ้งการปิดตลาดบางกะปิทั้ง 5 แห่ง จำนวน 3 วัน ตามอำนาจที่มี รวมทั้งได้ล้างทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค และปฏิบัติการตรวจเชิงรุก และในวันนี้ กำหนดตรวจหาเชื้อ Swap ที่ตลาดบางกะปิ ลาดพร้าว 121 พร้อมทั้งเตรียมเสนอคณะกรรมการควบคุมโรคพิจารณาปิดตลาด 14 วันต่อไป
กรมพินิจฯ ยังไม่พบเจ้าหน้าที่ รวมทั้งเด็กและเยาวชนติดเชื้อ
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า กรมพินิจฯ เก็บข้อมูลและรายงานสถิติผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวัน ปัจจุบันยังไม่พบการติดเชื้อในเด็กและเยาวชนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ สถิติวันที่ 18 พ.ค.64 เวลา 14.00 น. มียอดควบคุมตัวเยาวชนอยู่ที่ 4,013 คน กักตัว 460 คน รวมควบคุมทั้งสิ้น 4,473 คน เจ้าหน้าที่ 4,200 คน อยู่ระหว่างกักตัว 5 คน ฉีดวัคซีนแล้ว 462 คน
อีกส่วนที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการเจ้าหน้าที่ มีความเสี่ยงมากที่สุดในการเป็นพาหะนำเชื้อเข้ามา เพราะเจ้าหน้าที่ที่เดินทางเข้าออกในสถานที่ควบคุม เน้นย้ำให้ทุกคน ป้องกันดูแลตัวเองเคร่งครัด ต้องมีวินัย การ์ดห้ามตก เพราะพฤติกรรมที่ปฏิบัติเป็นประจำหลังเลิกงานอาจมีความสุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวว่า กรมได้รับคำชื่นชมจากคณะแพทย์และกรมควบคุมโรค หลังการหารือรวมถึงการบริหารจัดการว่ามีการดูแลเจ้าหน้าที่และเด็กๆเป็นอย่างดี มีการปรับแผนตามสถานการณ์ที่เหมาะสม คณะแพทย์ได้แนะนำให้เน้นเรื่องกินอยู่หลับนอน การเว้นระยะห่างในโรงอาหาร การตักอาหารโดยลดการสัมผัส เว้นระยะห่างในหอนอน แยกเด็กกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กที่มีโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน หรือมีโรคประจำตัว เพราะกลุ่มนี้จะมีการติดเชื้อได้ง่ายและหายยาก หน่วยงานในสังกัดกรมพินิจฯ มีพยาบาลวิชาชีพ พนักงานพินิจที่ดูแลเด็กและเยาวชนทั่วทุกแห่ง ได้บริหารจัดการพื้นที่ เช่น แยกห้องกักตัวสำหรับเด็กรับใหม่ การดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ทั้งในส่วนของเด็กและเยาวชน เจ้าหน้าที่ ผู้มาติดต่อราชการ อาคารสถานที่ ให้มีความปลอดภัยจากโควิด และสั่งให้หน่วยงานในสังกัดทุกจังหวัดเตรียมพื้นที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนามไว้
กรมราชทัณฑ์ ตั้ง กก.สอบ จนท.ติดเชื้อว่าฝ่าฝืนมาตรการหรือไม่
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง การสอบสวนสาเหตุการแพร่ระบาดของเชื้อเข้าสู่เรือนจำว่ากรมราชทัณฑ์ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงของบุคลากรที่ติดเชื้อโควิด-19 ว่าเกิดจากการฝ่าฝืนระเบียบหรือไม่ เพื่อดำเนินการทางวินัยและให้บุคลากรเห็นถึงความสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและสังคมส่วนรวม
นอกจากนี้ จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม มีศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้อำนวยการศูนย์ นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นรองผู้อำนวยการ มีอธิบดีกรมต่างๆเป็นคณะทำงาน ในส่วนของแพทย์ มีนพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมโรคที่ 4 จ.สระบุรี ร่วมเป็นคณะทำงานด้วย