กรณีไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนมีนาคมอาจมีความเชื่อมโยงกับการระบาดใหญ่ระลอกที่ 2 โดยในรอบ 24 ชั่วโมงของวันพุธ (5 พ.ค.) อินเดียทำสถิติมีผู้ป่วยมากถึง 412,000 คนและมีผู้เสียชีวิต 3,980 ราย ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญกระทรวงสาธารณสุขอินเดียเตือนว่าประเทศสามารถหลีกเลี่ยงการระบาดระลอกที่ 3 ได้ขณะที่โรงพยาบาลไม่มีเตียงผู้ป่วยรองรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทั้งขาดแคลนออกซิเจน
โควิดสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617) มีการกลายพันธุ์ 2 จุด (Double Mutant) คือ E484Q และ L452R จากการตรวจสอบ 13,000 ตัวอย่างใน 8 รัฐที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก พบว่ามากกว่า 3,500 ตัวอย่างเป็นเชื้อชนิดกลายพันธุ์
ทางการของหลายรัฐในอินเดียมีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวส์ แม้รัฐบาลกลางจะไม่เห็นด้วยเพราะกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นเวลานานกว่า 1 เดือนที่ทางการอินเดียยืนยันว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์อินเดียไม่มีความเชื่อมโยงกับการที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์อังกฤษ แอฟริกาใต้และบราซิล แต่การออกมายอมรับในครั้งนี้ก็ยังถูกวิจารณ์ว่าเป็นการสุ่มตรวจจากตัวอย่างที่น้อยเกินไป จัดลำดับความสัมพันธ์ทางระบาดวิทยาและทางคลินิกยังไม่มีความสมบูรณ์ ซึ่งนพ.สุจีต กุมาร์ ซิงห์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติแนะนำให้รัฐบาลเร่งเสริมสร้างการตอบสนองด้านสาธารณสุข เพิ่มการทดสอบ และการแยกกลุ่มเสี่ยงอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมโรคระบาด รวมถึงเพิ่มการฉีดวัคซีนแม้ว่าการดำเนินโครงการจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 300 ล้านคนภายในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากการขาดแคลนวัคซีนแม้ว่าอินเดียจะมีข้อห้ามการส่งออกวัคซีนที่มีการผลิตในประเทศก็ตาม
...