กลุ่มพันธมิตรวัคซีนของประชาชน (People’s Vaccine Alliance) เผยแพร่ผลการสำรวจที่พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือเฉลี่ย 7 ใน 10 คนในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำหรือจี7 สนับสนุนให้รัฐบาลมีการตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทยามีการแบ่งปันสูตรและเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 และบริษัทยาควรได้รับการชดเชยอย่างเป็นธรรมสำหรับการพัฒนาวัคซีนแต่ไม่ควรผูกขาดวัคซีน
โดยผลการสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 74 ในสหราชอาณาจักรให้การสนับสนุน
อิตาลี ร้อยละ 82
แคนาดา ร้อยละ 76
สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 69
ญี่ปุ่น ร้อยละ 58
เยอรมนี ร้อยละ 70
ฝรั่งเศส ร้อยละ 63
ผลการสำรวจนี้ได้รับการเผยแพร่ในการประชุมของกลุ่มจี7 ที่กรุงลอนดอน ในวันนี้ (5 พ.ค) เพื่อหาข้อตกลงในการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ทั่วโลกสามารถนำไปใช้ได้ในระยะยาว
เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร และนายแอนโทนี บลิงเคนรัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐเห็นพ้องกันว่ามีความจำเป็นในการเปิดตัววัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วโลกเพื่อยุติการแพร่ระบาด และได้ย้ำถึงความสำคัญของกลุ่มจี7 ในการเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตระหว่างประเทศ
ในวันนี้องค์การการค้าโลก หรือ ดับเบิ้ลยูทีโอ จะมีการประชุมทางไกลเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอในการสละสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งแอฟริกาใต้และอินเดียเป็นผู้นำเสนอญัตติเข้าสู่การประชุมเพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนได้มากขึ้นโดยไม่ผิดกฎระหว่างประเทศภายใต้ข้อตกลงขององค์การการค้าโลกว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับการค้า (TRIPS) แต่ข้อเสนอนี้ได้รับการคัดค้านจากหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น แคนาดาและสหภาพยุโรป
จนถึงขณะนี้ บริษัทยายังคงปฏิเสธที่จะแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับวัคซีนโดยโต้แย้งว่าการสละสิทธิ์จะเป็นอันตรายต่อการพัฒนานวัตกรรม ซึ่งทำให้กลุ่มรณรงค์สนับสนุนการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับวัคซีนเห็นว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะปกป้องกฎทรัพย์สินทางปัญญาตามอุดมการณ์ มีความจำเป็นที่รัฐบาลเข้าแทรกแซงและบังคับให้บริษัทยาแบ่งปันทรัพย์สินทางปัญญาและความรู้เกี่ยวกับวัคซีนกับคนทั้งโลก
...