นายแนแธเนียล โคเฮน ผู้บริหารกองทุนป้องกันสิ่งแวดล้อม (EDF)ของสหรัฐฯเปิดเผยว่า การประชุมเรื่องภาวะโลกร้อนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้นำประเทศ 40 ประเทศทั่วโลกในวันนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯจะให้คำมั่นต่อที่ประชุมว่าสหรัฐฯจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างร้อยละ 50-52 ภายในปี 2573 จากอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2548 แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯให้ความสำคัญกับปัญหาเร่งด่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน สอดคล้องกับทัศนะของนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ที่ต้องการจะผลักดันให้ทุกประเทศทั่วโลกร่วมมือกันให้มากขึ้นเพื่อนำพาโลกไปในทิศทางที่ปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากนั้น นายไบเดนยังนำสหรัฐฯกลับเข้าสู่การเป็นผู้นำในเวทีโลกในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หลังรัฐบาลชุดก่อนของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนชื่อสหรัฐฯออกจากสนธิสัญญากรุงปารีสว่าด้วยการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 โดยรัฐบาลสหรัฐฯหวังว่าการกำหนดเป้าหมายที่สูงเช่นนี้จะทำให้ประเทศจีน อินเดียและประเทศอื่นๆเร่งหาทางลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก่อนถึงวันประชุมระดับโลกด้านสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ในเมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ในเดือนพฤศจิกายนนี้
แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งข้อสงสัยว่าสหรัฐฯจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายนั้นหรือไม่ เนื่องจากนักการเมืองจากทั้งสองพรรคของสหรัฐฯคือ รีพับลิกันและเดโมแครตมีแนวคิดที่ไม่ลงรอยกันในเรื่องนี้ ถึงกระนั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองเรื่องการที่สหรัฐฯตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ร้อยละ 50 ว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงเจตนารมณ์เรื่องการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน
Cr: BBC