เตรียมนำตัวขึ้นศาล มือกราดยิงที่โคโลราโดวัย 21 ปี ด้าน ‘ไบเดน’แบนการใช้อาวุธปืน
เจ้าหน้าที่รัฐโคโลราโด เปิดเผยว่า คนร้ายชายที่ก่อเหตุกราดยิงคนในซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อ คิง ซูเปอร์ ทำให้มีคนเสียชีวิตถึง 10 ราย คือ นายอาหมัด อัล อาลีวี อาลิสสา วัย 21 ปี แห่งเมืองอาร์วาดา รัฐโคโลราโด เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ ในเมืองโบลเดอร์ห่างจากเมืองเดนเวอร์ขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 45 กม. คนร้ายเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจนานประมาณ 2 ชั่วโมงและถูกยิงที่ขาได้รับบาดเจ็บ อาการดีขึ้นแล้ว และเจ้าหน้าที่ต้องใช้แก๊สน้ำตาเพื่อทำให้คนร้ายสงบลงและควบคุมตัวไปดำเนินคดี
เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยรายละเอียดผู้เสียชีวิต 10 ราย อายุตั้งแต่ 20-65 ปี รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีริค ทัลลีย์ วัย 51 ปี คุณพ่อลูก 7 ที่ทำงานตำรวจมา 11 ปี
ส่วนคนอื่นที่เสียชีวิต เช่น เดนนี สตรอง วัย20ปี, เนเวน สแตนิซิช วัย 23ปี, ริกกี้ โอลด์ส วัย 25 ปี, ทราโลนา บาร์ทโคเวียค วัย 49ปี, ซูซาน ฟาวเท่น วัย 59 ปี, เทรี ไลเกอร์ วัย 51ปี, เควิน มาโฮนี วัย 61ปี, ลินน์ เมอร์เรย์ วัย 62 ปี และโจดี้ วอเตอร์ส วัย 65 ปี
เจ้าหน้าที่สอบสวน มั่นใจว่า นายอาลิสสา ก่อเหตุคนเดียวแต่ยังไม่ให้รายละเอียดว่าอะไรคือเหตุจูงใจให้เขาก่อเหตุกราดยิงผู้คนและตัวมือปืนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลและจะส่งตัวไปเรือนจำ รอการส่งฟ้องขึ้นศาลดำเนินคดีโดยตั้งข้อหาฆาตกรรม 10 กระทง
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ แถลงว่า มาตรการควบคุมอาวุธปืนไม่ใช่เรื่องของการถือพรรคถือพวก แต่เป็นเรื่องของคนอเมริกัน เราจะต้องแบนหรือห้ามการมีอาวุธปืนร้ายแรง และปิดช่องโหว่ของระบบตรวจสอบภูมิหลัง
ไฟไหม้ค่ายผู้ลี้ภัยที่บังกลาเทศเสียชีวิต 15 เจ็บ 550 หายอีก 400 คน
นายโยฮันเนส ฟาน เดอ คลาวอู เจ้าหน้าที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์) แถลงข่าวจากกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ พร้อมทั้งสำนักงานยูเอ็นเอชซีอาร์ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า เหตุเพลิงไหม้ค่ายผู้ลี้ภัยโรฮิงญา บาลูคาห์ลีใกล้กับเมืองคอกซ์ บาซาร์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบังกลาเทศเมื่อวันจันทร์ เป็นเหตุเพลิงไหม้ร้ายแรงและเสียหายอย่างมาก มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ราย บาดเจ็บกว่า 550 คน สูญหายอีก 400 คน และไร้ที่อยู่อาศัยอีก 45,000 คน เผาผลาญกระท่อมและเพิงพักของผู้ลี้ภัยซึ่งมีอยู่ราว 40,000 หลังวอดเสียหายหมด เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้หลังผ่านไปราว 6 ชั่วโมง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่มีควันลอยกรุ่นขึ้นมาให้เห็น
เจ้าหน้าที่บังกลาเทศ กำลังสอบสวนสาเหตุของเพลิงไหม้ ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินและหน่วยบรรเทาทุกข์ตลอดจนถึงครอบครัวของผู้สูญเสียพากันตรวจค้นตามซากปรักหักพังที่เหลืออยู่ เพื่อหาคนที่สูญหาย
วัคซีนซิโนแวค ปลอดภัย สำหรับเด็กตั้งแต่วัย 3ขวบ ถึง17ปี
วัคซีนโควิด-19ของซิโนแวคของจีน ได้นำไปใช้แล้ว 70,000,000 ล้านโดสทั่วโลกรวมถึงในประเทศจีน แต่จีนอนุมัติให้ใช้ได้สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น ยังไม่ได้อนุญาตให้ใช้กับเด็ก เพราะระบบภูมิคุ้มกันอาจไม่ตอบสนองต่อวัคซีน
นายกัง เจิ้ง ผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์ของซิโนแวค แถลงว่า การทดลองวิจัยในระดับต้นและกลางกับกลุ่มตัวอย่าง 550 คน พบว่า วัคซีนจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกัน แต่ผู้รับวัคซีน 2 คนเท่านั้นที่มีอาการไข้สูง คนแรกเป็นเด็กอายุ 3 ขวบและอีกคนอายุ 6 ขวบ ส่วนที่เหลือพบว่ามีไข้เล็กน้อยเท่านั้น ปลอดภัยสำหรับเด็กอายุ 3-17 ปี
ส่วนศาสตราจารย์อึ้ง ออง ออย แห่งสถาบันแพทยศาสตร์ ดุค เอ็นยูเอส ประเทศสิงคโปร์ บอกว่า วัคซีนปลอดภัยและสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันไวรัสโควิด-19ได้ แต่ข้อมูลที่นำเสนอต่อสาธารณชนยังไม่เพียงพอที่จะได้ข้อสรุปเพื่อหาคำตอบเรื่องนี้
เด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 มีโอกาสน้อยที่จะป่วยร้ายแรงแต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่และสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ ดังนั้นโครงการจัดฉีดวัคซีนทั่วโลกจึงมุ่งเน้นไปที่ผู้ใหญ่และเด็กซึ่งจำเป็นที่จะต้องได้วัคซีนเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด
วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ใช้ได้กับเด็กอายุ 16 ปีขึ้นไป และกำลังวิจัยในเด็กอายุ 12-16 ปี
ส่วนของบริษัทโมเดอร์นา ใช้ได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกำลังศึกษาวิจัยสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี
แอสตราฯเตรียมเผยผลทดลองวัคซีนโควิดฉบับใหม่ หลังถูกจับได้ใช้ข้อมูลเก่า
หลังจากที่แอสตราเซเนกา เปิดเผยผลการทดลองวัคซีนโควิด-19 โดยระบุว่า จากการทดสอบวัคซีนในสหรัฐฯซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก พบว่าวัคซีนที่แอสตราเซเนกาพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดมีประสิทธิภาพ ร้อยละ 79 ในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ และมากถึงร้อยละ 100 ในการป้องกันอาการติดเชื้อรุนแรงหรือต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
การแถลงดังกล่าว ทำให้ทางการสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์ว่าแอสตราเซเนกาใช้ข้อมูลเก่าในการเปิดเผยผลการทดลองวัคซีนโควิด-19
ล่าสุด บริษัทแอสตราเซเนกา แถลงว่า จะเปิดเผยผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ฉบับใหม่ภายในเวลา 48 ชั่วโมง โดยใช้ข้อมูลใหม่ล่าสุด พร้อมทั้งชี้แจงว่า ข้อมูลที่มีการตีพิมพ์ได้อ้างอิงจากข้อมูลเบื้องต้นที่มีการวิเคราะห์จนถึงวันที่ 17 ก.พ.64 และจะร่วมมือกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัย(DSMB) ใช้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพที่มีการปรับปรุงล่าสุด
สถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ (NIAID) แถลงว่า แอสตราเซเนกาอาจให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19
ด้าน DSMB แสดงความกังวลว่า แอสตราเซเนกาอาจรวมเอาข้อมูลเก่าจากการทดลอง ซึ่งอาจเป็นการให้ข้อมูลด้านประสิทธิภาพที่ไม่สมบูรณ์ ขอให้แอสตราเซเนการ่วมมือกับ DSMB ในการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพวัคซีน และสร้างความมั่นใจว่าจะมีการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นข้อมูลปัจจุบันเพื่อให้สาธารณชนได้ทราบโดยเร็ว
เวียดนาม อนุมัติใช้ วัคซีนสปุตนิก วี ของรัสเซีย เป็นตัวที่สอง
กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม เปิดเผยว่า เวียดนาม อนุมัติวัคซีนสปุตนิก วี ของรัสเซีย สำหรับใช้ป้องกันโควิด-19 เป็นวัคซีนตัวที่สองที่ได้รับการอนุมัติในประเทศต่อจากวัคซีนแอสตราเซเนกา การอนุมัติวัคซีนสปุตนิก วี ขึ้นอยู่กับข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิภาพ
ด้านกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย (RDIF) ระบุในคำแถลงบนเว็บไซต์สปุตนิก วี ว่าขณะนี้มี 56 ประเทศที่อนุมัติให้ใช้งานแล้ว มีประชากรรวมกันมากกว่า 1,500 ล้านคน การอนุมัติให้ใช้ในเวียดนาม หนึ่งในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะช่วยปกป้องประชาชนและทำให้ใกล้จะได้ยกเลิกขัอจำกัดหรือมาตรการต่างๆ
เวียดนาม มีประชากร 98,000,000 คน ใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาฉีดให้กับประชาชนมาตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.64 มีคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 36,000 คน
นอกจากนี้ เวียดนามยังอยู่ระหว่างการเจรจาจัดซื้อวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค บริษัทโมเดอร์นา และบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และมีเป้าหมายที่จะใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พัฒนาขึ้นเองในประเทศตัวแรกมาใช้ในปี 2565
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้กล่าวว่าจะได้รับวัคซีนรวมทั้งหมด 150,000,000 โดส ทั้งที่ผ่านการจัดซื้อจากผู้ผลิตต่างๆ และที่ได้รับจากโครงการโคแว็กซ์ (COVAX)
เวียดนามได้รับเสียงชื่นชมจากความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสผ่านมาตรการตรวจหาเชื้อเชิงรุก ติดตามผู้สัมผัส และการกักตัวอย่างเข้มงวด ทำให้ประเทศมีผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมที่ 2,575 คน และเสียชีวิต 35 ราย
เตรียมรับมือรายได้หาย อังกฤษ ไม่อนุญาตให้เดินทางก่อนสิ้นเดือน มิ.ย.
อังกฤษจะปรับเงิน 5,000 ปอนด์ (ราว 213,000 บาท) กับผู้ที่พยายามเดินทางไปต่างประเทศก่อนสิ้นเดือนมิ.ย.64 ซึ่งยังอยู่ในช่วงที่รัฐบาลใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกประเทศ นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ กล่าวว่า มีความหวังน้อยลงมากที่จะรัฐบาลจะอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.64 เนื่องจาก มีคำเตือนเกี่ยวกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นในทวีปยุโรป
ขณะที่ สายการบินและธุรกิจท่องเที่ยวในทวีปยุโรปกำลังเตรียมรับมือกับการสูญเสียรายได้ในช่วงฤดูร้อนเป็นปีที่สอง ทั้งที่เมื่อปีก่อนต้องแบกรับภาระหนี้หลายพันล้านยูโรเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไปอีก 1 ปีภายใต้มาตรการจำกัดการเดินทาง นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุนใหม่