เยอรมนีได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการเมื่อต้นเดือนมีนาคมหลังสถานการณ์โควิด-16 เริ่มคลี่คลายจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่หลังจากนั้นไม่นาน เยอรมนีกลับมีอัตราผู้ติดโควิด-19 มากกว่าเดิม คิดเป็นสัดส่วนกว่า 100 คนต่อประชากรเฉลี่ย 100,000 คน ล่าสุด พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมง สูงถึง 7,485 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 250 ราย
นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี เปิดเผยว่า รัฐบาลเยอรมนีตัดสินใจขยายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปจนถึงวันที่ 18 เมษายน 2564 จากเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 28 มีนาคมนี้ โดยหวังว่า มาตรการนี้จะช่วยสกัดการแพร่ระบาดระลอกที่ 3 พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้านในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ที่จะหยุดยาวถึง 5 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-5 เมษายนนี้
นางแมร์เคิล ระบุว่า โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดทั่วประเทศเยอรมนี โดยเฉพาะเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์จากอังกฤษ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์หลักที่ระบาดในปัจจุบัน มีลักษณะที่แตกต่างจากเดิมมาก เช่น ระบาดเร็วยิ่งขึ้น ระบาดนานยิ่งขึ้นและทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตมากขึ้น
นอกจากนั้น ยังกำชับผู้นำท้องถิ่นทั้ง 16 แคว้นของเยอรมนี ใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยให้ประชาชนทำงานที่บ้านและลดการติดต่อกันโดยตรงให้มากที่สุด รวมทั้งยังสั่งปิดร้านค้า ห้ามจัดการแข่งขันกีฬา ห้ามจัดงานเลี้ยงสำหรับคนจำนวนมาก โดยอนุญาตให้จัดได้ไม่เกิน 5 คน ส่วนร้านอาหารอนุญาตให้ซื้อกลับไปกินที่บ้าน พร้อมขอความร่วมมือให้โบสถ์ต่างๆของเยอรมนีจัดพิธีทางศาสนาทางระบบออนไลน์ในโอกาสวันอีสเตอร์ปีนี้
ด้านนักเศรษฐศาสตร์ เห็นว่า การขยายมาตรการล็อกดาวน์ออกไปจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเยอรมนีจากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อาจจะขยายไปถึงช่วงต้นฤดูร้อน คือ ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม
ปัจจุบัน เยอรมนีมีผู้ป่วยสะสม 2,678,262 คน เสียชีวิต 75,418 ราย
Cr: Reuters, BBC