ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม 2564

18 มีนาคม 2564, 19:44น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม 2564



สมุทรสาคร เตรียมต้อนรับผู้ว่าฯ ปู คืนสู่สาคร ภายใต้มาตรการ New Normal



          การเตรียมต้อนรับ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่หายจากการติดเชื้อโควิด-19 หลังเข้ารับการรักษาใน รพ.ศิริราช ด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2563 จนอาการดีขึ้น จนสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ และจะกลับมาที่จังหวัดสมุทรสาครในวันที่ 19 มีนาคม 2564



         โดยนายวีระศักดิ์ พร้อมด้วยนางชุติพร ภริยา จะเดินทางถึงที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาครในเวลา 11.30 น. โดยมีคณะนายแพทย์จากศิริราชร่วมเดินทางมาส่ง และจะขึ้นไปที่ห้องประชุมพันท้ายนรสิงห์ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาครเพื่อพบปะกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมกับผู้แทนจากองค์กรภาคเอกชน



          ส่วนประชาชนที่จะมาร่วมต้อนรับผู้ว่าวีระศักดิ์ ทางจังหวัดสมุทรสาครได้มีการจัดสถานที่ไว้ที่หน้าอาคารสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร (อาคารนิวนามทอง) ซึ่งได้จัดเตรียมสมุดเยี่ยมไว้ให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวด้วย



         นอกจากนั้น ในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. ศ. ดร. นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล จะแถลงข่าว โดยมี นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ และทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวด้วย



ผอ.เขตบางแค เสนอคณะกรรมการโรคติดต่อกทม. ปิด 6 ตลาดบางแคต่อ จนกว่าจะรู้ผลตรวจผู้ค้า-แรงงานครบ



          มาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 นางสาวรุจิรา อารินทร์ ผอ.เขตบางแค เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะมีการเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ ขอปิดตลาดบางแคทั้ง 6 แห่งไปก่อนจนกว่าผลตรวจเชื้อโควิดของผู้ค้า และแรงงานในตลาดจะออกจนครบ ว่าไม่มีการติดเชื้อเพิ่มเติม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่จะมาซื้อของจะมีการทำสติกเกอร์ระบุติดที่ตัวผู้ค้าว่า ผ่านการตรวจคัดกรองโควิด-19 มาแล้ว และมีการตรวจซ้ำแล้วไม่พบเชื้อ รวมถึงมาตรการคุมเข้มทางด้านสาธารณสุขที่ขอความร่วมมือตลาดและผู้ค้าในการใส่หน้ากากอนามัยที่ต้องเข้มงวดขึ้น การทำความสะอาดต่างๆซึ่งได้มีการพูดคุยกับผู้ค้าในตลาดแล้ว ทุกคนให้ความร่วมมือพร้อมปฏิบัติตามเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา



ราชบุรี ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม เน้นตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเชิงรุกต่อ



          สถานการณ์ โควิด-19 จังหวัดราชบุรี ระลอกใหม่ วันนี้ไม่พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ แต่ตั้งแต่วันที่  11 – 18 มีนาคม 2564 จังหวัดราชบุรีพบผู้ป่วยยืนยัน รายใหม่ 12 คน รวมผู้ป่วยสะสม 46 คน รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 13 คน รักษาหาย 33 คน ผู้ป่วยรายใหม่ที่มีความเกี่ยวข้องกับตลาดวันเดอร์ บางแค กทม. จากการ active case finding ของกทม. 4 คน และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัว ขยายวงเชื่อมโยงไปถึงโรงเรียนเอกชน และสถานที่ราชการ จังหวัดราชบุรีได้แจ้งให้ประชาชนทราบสถานการณ์การระบาดเพื่อไม่ให้ตื่นตระหนก และเน้นมาตรการการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเชิงรุกเพื่อสร้างความมั่นใจ ผลการคัดกรองปัจจุบัน สะสม 5,903 คน เป็นคนไทย 2,096 คน ต่างชาติ 3,807 คน



กทม.ฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงตลาดบางแคแล้ว 705 คน



          การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในกรุงเทพมหานคร นายชวินทร์  ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า กทม. ร่วมกับ กรมควบคุมโรค และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ Mobile Unit ให้บริการฉีดวัคซีนเชิงรุกให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงจากตลาดย่านบางแค เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคที่ตลาดสิริเศรษฐนนท์ เขตบางแค ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.64 - 21 มี.ค.64  ผลการฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ในวันแรก 17 มี.ค.64 มีผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 744 คน ฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงไปแล้ว 705 คน แบ่งเป็น คนไทย 258 คน ต่างด้าว 447 คน  ส่วนอีก 39 คน คัดกรองไม่ผ่าน เนื่องจาก สภาพร่างกายไม่พร้อมรับวัคซีน เช่น มีความดันโลหิตสูง ซึ่งผู้ที่รับวัคซีนมีอาการไม่พึงประสงค์ 13 คน เช่น หน้ามืด เวียนศรีษะ แต่ทุกคนมีอาการปกติหลังได้พัก 30 นาที



ข้าวสารเดินหน้าจัด ‘สงกรานต์แห้ง’รับโควิด-19  ทำอุโมงค์น้ำมนต์ ชวนแต่งชุดไทยไปร่วมงาน



         หลังที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจ ศบค. เห็นชอบแนวทางจัดกิจกรรมสงกรานต์วิถีใหม่ในสโลแกน “ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ” เพื่อให้การฉลองปีใหม่แบบไทยดำเนินต่อไปได้พร้อมๆ กับมาตรการควบคุมโรคระบาด ทำให้สงกรานต์ถนนข้าวสารในปีนี้ นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า หลังจากค่อนข้างชัดเจนในแนวทางปฏิบัติ ด้านถนนข้าวสารจากเดิมที่เตรียมแผนงานใหญ่ ทั้งการจัดคอนเสิร์ต และกิจกรรมบันเทิงต่างๆ จำเป็นต้องยกเลิกไปทั้งหมด ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) ได้เรียกผู้ประกอบการในข้าวสาร ประชุมกำหนดรูปแบบการจัดงานใหม่ไว้บ้างแล้ว โดยจะจัดงานในรูปแบบสืบสานประเพณีไทย ให้ประชาชนเข้าร่วมงานแบบ New Normal และสั่งให้ทุกร้านในข้าวสารต้องงดกิจกรรมสาดน้ำ ประแป้งทุกกรณี โดยจุดเข้าออก จะตั้งอยู่หัว-ท้าย ถนนข้าวสาร ระยะทางรวม 400 เมตร จะมีจุดคัดกรองนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน วัดอุณหภูมิ ลงทะเบียนบันทึกประวัติเข้าออก และห้ามนำน้ำ ปืนฉีดน้ำ ดินสอพอง หรือแป้งเข้ามาในพื้นที่  



          ส่วนภายในงานจะอัญเชิญพระพุทธรูปจากวัดต่างๆ ในเขตพระนคร มาให้ประชาชนได้ร่วมสรงน้ำพระ ขบวนแห่รถบุปผชาติจากถนนข้าวสาร ไปวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และซุ้มกิจกรรมก่อเจดีย์ทราย แต่ไฮไลท์สำคัญงานปีนี้ คือ อุโมงค์น้ำมนต์ โดยจะตั้งอยู่ใจกลางถนนข้าวสาร มีลักษณะเป็นโดมโค้ง ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม และตรงกลางมีน้ำมนต์ปลุกเสกจากวัดต่างๆ ในเกาะรัตนโกสินทร์ให้ประชาชนที่เดินผ่านได้รับน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลช่วงปีใหม่ไทย



          พร้อมเชิญชวนประชาชนที่มาเที่ยวสงกรานต์สวมใส่ชุดไทย เพื่อสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว ให้กลับมาคึกคัก ยืนยันว่า แม้ปีนี้สงกรานต์จะตัวแห้ง แต่ความสนุกสนาน และความสุขที่ได้รับกลับมาจะไม่ได้ลดน้อยถอยลงไป เป็นความสนุกในรูปแบบใหม่ ที่สุขได้ และปลอดภัย ปลอดโรค การจัดงานจะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 13-15 เมษายน



          ขณะที่ นายสมบูรณ์ หอมนาน ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรมกีฬา และการท่องเที่ยว กทม. เผย แนวทางจัดงานวันสงกรานต์ปีนี้ ว่า ต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุม ศบค.ใหญ่ ในวันพรุ่งนี้ (19 มี.ค.) แต่เบื้องต้นได้เตรียมแผนไว้แล้ว สถานที่หลักที่เตรียมไว้เพื่อพิจารณาขณะนี้ มี 2 จุด คือ ลานคนเมือง  ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร หรือ ลานภายในศาลาว่าการ กทม.2 (ดินแดง) สรุปสุดท้ายต้องรอประชุม กับผู้บริการ กทม.อีกครั้ง แต่ที่ชัดเจน คือ รูปแบบงานจะเป็นงานสืบสานประเพณีไทย มีกิจกรรมทำบุญ ตักบาตร สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ แบบ New Normal กำหนดการจัดงาน 12-14 เมษายน เวลา  10.00 – 20.00 น. ส่วนการเล่นสาดน้ำ ประแป้ง จะขอให้แต่ละสำนักงานเขตที่มีการจัดงานไปกวดขัน เรื่องนี้อย่างเข้มงวด



ญี่ปุ่นเตรียมยกเลิกภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียว-ปริมณฑลอาทิตย์นี้ ย้ำการ์ดอย่าตก



          นายยาซูโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจญี่ปุ่น ในฐานะหัวหน้าทีมกำหนดมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เปิดเผยว่า คณะที่ปรึกษาของรัฐบาลญี่ปุ่นที่รับผิดชอบเรื่องมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีมติให้เรื่องประกาศภาวะฉุกเฉินของรัฐบาลสำหรับพื้นที่กรุงโตเกียวและ 3 จังหวัดโดยรอบได้แก่ จังหวัดคานากาวะ, จังหวัดชิบะ และจังหวัดไซตามะ สิ้นสุดตามกำหนดเดิมในวันที่ 21 มีนาคมนี้ โดยไม่มีการขยายมาตรการฉุกเฉินอีกต่อไป พร้อมทั้งเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ อนุญาตให้ภาคธุรกิจเปิดทำการตามปกติในกรุงโตเกียวและเขตปริมณฑล ซึ่งมีประชากร 36 ล้านคนหรือร้อยละ 30 ของประชากรทั้งหมดของญี่ปุ่น



          ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมโรคมาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยไม่มีใครคัดค้าน หลังที่ประชุมคณะที่ปรึกษาของรัฐบาลตั้งข้อสังเกตว่าระยะ 2-3 วัน จำนวนผู้ป่วยยังคงอยู่ในระดับที่สูง โดยเฉพาะวันพุธมีผู้ป่วยใหม่ 409 คน แต่นับว่าลดลง เมื่อเทียบกับคนไข้ 2,520 คนเมื่อวันที่ 7 มกราคม ขณะที่นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว เตือนประชาชนในกรุงโตเกียวให้ทำตามมาตรการควบคุมโรคเช่น การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือและการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างต่อเนื่อง อย่าปล่อยให้การ์ดตก

          ส่วนเรื่องโครงการวัคซีน ญี่ปุ่นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นโครงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนให้กับประชากร 126 ล้านคนภายใน 6 เดือนแรกของปีนี้ ที่ผ่านมามีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว 359,191 คน ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นต้องการจะควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้สำเร็จก่อนการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเริ่มขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้



ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในอินเดียทำลายสถิติสูงสุด 35,871 คน



          กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยในวันนี้ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 35,871 คน และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 172 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 11,474,605 คน และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 159,216 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มีการรายงานในวันนี้ ถือเป็นสถิติเพิ่มขึ้นรายวันสูงที่สุดในปีนี้



หุ้นไทยบวกกว่า 2 จุด เผชิญแรงขายทำกำไร จับตาการเมืองในปท.-โควิด-19กลุ่มก้อน



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,568.82 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด มูลค่าการซื้อขาย 81,007.58 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีความผันผวน โดยช่วงเช้าขึ้นตอบรับ Sentiment บวก จากมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยต่ำยาว และเดินหน้าทำ QE ต่อไป รวมถึงมีการปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯด้วย แต่ในช่วงบ่ายเผชิญแรงขายทำกำไร ขณะที่ยังมี  ปัจจัยที่ต้องจับตาทั้งเรื่องการเมืองในประเทศ, การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ในวันพรุ่งนี้พิจารณาคลายล็อกเพิ่มเติม ขณะที่ยังพบคลัสเตอร์ใหม่ของผู้ติดเชื้ออยู่



          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป และจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับร้อยละ 0 ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2566 ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ 30,216.75 จุด เพิ่มขึ้น 302.42 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียที่บวกขึ้นขานรับธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ พร้อมส่งสัญญาณว่าจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2566 ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ 29,405.72 จุด เพิ่มขึ้น 371.60 จุด



ศาลฎีกา พิพากษายืน ประหารชีวิต 7 จำเลย สังหารโหด 8 ศพที่อ่าวนาง กระบี่



          ความคืบหน้าคดีที่นายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี พร้อมกับพวกรวม 8 คน ร่วมกันก่อเหตุสังหารโหดนายวรยุทธ หรือผู้ใหญ่บัติ สังหลัง อายุ 46 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมครอบครัวและญาติๆ รวม 8 ศพ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก เมื่อวันที่ 9 ต่อเนื่องวันที่ 10 มี.ค.60  ในวันนี้  ศาลจังหวัดกระบี่ ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาผ่าน Video Conference จากศาลจังหวัดกระบี่ ไปยังจำเลย 7 คน ที่ถูกคุมขังในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 7 คน นางอาส้า บุตรเติบ แม่ยายของผู้ใหญ่บัติ กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับคำพิพากษา ขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมต่อครอบครัว เนื่องจากตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ทางครอบครัวต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนักทั้งจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปทั้งหมดถึง 8 คน และยังต้องแบกรับภาระหนี้สินที่เกิดจากการที่บังฟัต นำบ้านหลังที่เกิดเหตุและบ้านของพ่อตา ไปจำนองไว้กับธนาคาร จนกระทั่งทำให้บ้านทั้ง 2 หลังซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของครอบครัวถูกธนาคารยึด ทำให้คนในครอบครัวต่างวิตกกังวลว่าจะไม่มีที่อาศัย จึงอยากวอนขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง



          สำหรับในคดีนี้ หลังเกิดเหตุได้ 5 วัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้ง 8 คน ประกอบด้วย นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์กุล หรือบังฟัต อายุ 41 ปี นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน) อายุ 36 ปี นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี และ น.ส.ชลิดา สังข์โชติ อายุ 41 ปี ภรรยานายชูริก์ฟัต



          ต่อมา เมื่อวันที่ 12 ก.ค.62 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-7 โดยศาลให้ความเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 7 คน เป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตทุกคน ทนายจำเลยจึงได้ยื่นฎีกา ส่วนจำเลยที่ 8 คือ น.ส.ชลิดา สังข์โชติ ภรรยานายชูริก์ฟัต ถูกตัดสินจำคุก 12 เดือน และได้รับโทษครบกำหนดไปก่อนหน้านี้แล้ว



รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯย้ำ จะกดดัน-เจรจาเพื่อให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์



          นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนกรุงโซล เกาหลีใต้ พร้อมกับพล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯจะใช้ทั้งวิธีการกดดันและการเจรจาทางการทูตกับเกาหลีเหนือ ไม่กี่ชั่วหลังนางโช ซอนฮุย ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศคนที่ 1 ของเกาหลีเหนือปฏิเสธที่จะเจรจาจนกว่าสหรัฐฯจะเปลี่ยนแปลงจากนโยบายที่มุ่งร้ายต่อเกาหลีเหนือ



         นายบลิงเคน พล.อ.ออสติน พร้อมนายชุง และนายซู ได้ออกแถลงการณ์ ประกาศจะร่วมกันทำงานในระดับภูมิภาค รวมทั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การค้าและปัญหาเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี

ข่าวทั้งหมด

X