ดร.สตีน เอเธลเบิร์ก หัวหน้าทีมวิจัยจากสถาบัน สแตเทนส์ เซรุม (Statens Serum Institut) ในกรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก เปิดเผยผลการศึกษา ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ เดอะแลนเซ็ต (The Lancet) ระบุว่าการติดเชื้อโรคโควิด-19 ซ้ำเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมาก แต่ระยะหลังๆมานี้ ทีมนักวิจัยเดนมาร์กพบว่ากลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไป ติดเชื้อโรคโควิด-19 ซ้ำ บ่งชี้ว่ารัฐบาลทั่วโลกควรเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ควบคู่กับรณรงค์เรื่องมาตรการควบคุมโรค เช่นการสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อให้ตนเองและคนอื่นปลอดภัยจากโรคโควิด-19
ทีมนักวิจัยของเดนมาร์ก ตั้งข้อสังเกตว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ติดโรคโควิด-19 แล้วหายป่วยจะมีภูมิคุ้มกันในร่างกายซึ่งสามารถจะช่วยป้องกันไม่ให้พวกเขาติดโรคโควิด-19 ซ้ำอีกราว 6 เดือน ทั้งนี้นักวิจัยของเดนมาร์กได้ศึกษาเรื่องนี้จากกลุ่มประชากรที่ติดโรคโควิด-19 จำนวน 222,629 คน ในช่วงการระบาดระลอกที่ 2 ระหว่างเดือนกันยายนถึงวันที่ 31 ธันวาคมปีที่แล้ว เปรียบเทียบกับตัวเลขการระบาดระลอกที่ 1 ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ตรวจโรคให้กับประชาชนราว 4,000,000 คนหรือร้อยละ 69 ของประชากรทั้งหมดของเดนมาร์ก พบว่า ในจำนวนผู้ป่วย 11,068 คนที่ติดโรคโควิด-19 ในช่วงการระบาดระลอกที่ 1 มีคนไข้เพียง 72 คนที่หายป่วยแล้วกลับมาติดโรคโควิด-19 ซ้ำในช่วงการระบาดระลอกที่ 2 โดยในกลุ่มที่ติดโรคซ้ำ ทีมวิจัยพบว่าร้อยละ 3.6 เป็นกลุ่มที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ทีมวิจัย ตั้งข้อสังเกตว่า เพียงร้อยละ 47 ของกลุ่มผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไปมีสารภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้ไม่ติดโรคโควิด-19 ซ้ำ ขณะที่ ร้อยละ 80 ของคนรุ่นหนุ่มสาวมีภูมิคุ้มกันในร่ายกาย ทำให้พวกเขาไม่ติดโรคซ้ำ ผลวิจัยเช่นนี้ถือว่าไม่เกินความคาดหมาย เนื่องจาก เมื่อคนอายุมากขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลงตามวัย
ด้านดร.โรสแมรี บอยตัน และนายแดเนียล อัลท์แมนน์ สองนักวิทยาภูมิคุ้มกันจากราชวิทยาลัย อิมพิเรียลคอลเลจ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และดร.เอมี เอ็ดเวิร์ดส ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อจากโรงพยาบาลของมหาวิทยาแห่งเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ เห็นว่าการรอให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติอาจจะเป็นเรื่องที่ใช้เวลานานหลายเดือน จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลของทุกประเทศทั่วโลกจะต้องเร่งผลักดันโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับประชาชนโดยเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไป
Cr: CNN, US News and World Report