นส.แสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่าตนเองและทีมงานรู้สึกเสียใจมาก เพราะช้างกลุ่มนี้มูลนิธิได้ติดตามเส้นทางมาโดยตลอดเพื่อพยายามผลักดันให้กลับไปที่จ.สุรินทร์ ช้างกลุ่มนี้มี 6 เชือก ควาญพาขึ้นรถบรรทุกมาจากจ.สุรินทร์ เพื่อมาหากินในเขตจ.สมุทรปรการได้หลายเดือนแล้ว มูลนิธิฯรู้ข้อมูลและส่งทีมงานติดตามเส้นทางโดยตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อไหร่ที่พบออกเดินหากินตามท้องถนน จะรีบแจ้งตำรวจในพื้นที่ให้จับกุม แต่เมื่อตำรวจจับกุมแล้ว ควาญมักอ้างว่าไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ตำรวจก็จะสงสารปรับในราคาที่น้อยมากก่อนปล่อยตัวออกไป เพราะหากปรับในราคาสูงควาญไม่มีเงินจ่ายก็ต้องถูกคุมตัว ช้างก็ต้องถูกล่ามเอาไว้ที่สถานีตำรวจเป็นภาระไม่มีคนดูแล ตำรวจจึงต้องปรับตามที่ควาญมีเงิน ก่อนปล่อยตัวออกไป ควาญก็จะนำช้างไปเดินหากินต่อเพราะไม่เข็ดหลาบ เป็นปัญหาที่วนเวียนแบบนี้มาหลายปี ทั้งๆที่มูลนิธิได้พยายามทำอย่างสุดความสามารและสุดหน้าที่ที่มูลนิธิจะกระทำได้แล้ว กรณีของนำโชค ควาญถูกจับ-ปรับมาหลายครั้งแล้วแต่ถูกปล่อยตัวออกมา กรณีของพลายนำโชค ควาญถูกจับ-ปรับมาหลายครั้งแล้วแต่เสียค่าปรับเล็กน้อยก่อนถูกปล่อยตัวออกมา ตำรวจไม่ดำเนินคดี เพราะหากดำเนินคดีให้เรื่องถึงศาล ช้างจะถูกยึดไว้ทันที ควาญจะหมดทางทำมาหากิน
สำหรับซากของพลายนำโชคนั้น เช้านี้จนท.ตร.ได้นิมนต์พระมาทำพิธี ก่อนส่งมอบซากให้กับสถาบันคชบาลผ่าพิสูจน์ต่อไป
โดยชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นมากมายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอยากให้ใช้กฎหมายจริงจังกับผู้ที่กระทำผิด และตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่อยากให้ปฏิบัติงานอย่างจริงจังมากกว่านี้
cr. บางแก้ว01 อาสาร่วมกตัญญู , มูลนิธิร่วมกตัญญู , ข่าวนกกระจอก