ผบ.ทสส.เชื่อมั่น พล.อ.ประวิตร ผ่านเรื่องนาฬิกาหรูได้/กมธ.พร้อมรับข้อกังวลเรื่องที่มาสว.ไปพิจารณา/ศาล นัดฟังคำตัดสินคดีระเบิดพื้นที่กทม.

18 มกราคม 2561, 12:18น.


+++พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานในการจัดงานวันกองทัพไทย ประจำปี 2561โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี การจัดงานในครั้งนี้เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และบูรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ตลอดจนเหล่าบรรพชนของไทย ที่ได้สร้างวีรกรรมอันกล้าหาญ สละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้เป็นมรดกตกทอดมาจนทุกวันนี้ และช่วงบ่าย จะมีพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลของทหารทั้งสามเหล่าทัพขึ้น



+++นอกจากนี้ ได้เยี่ยมและมอบของขวัญ ทหาร ตำรวจ และพลเรือนอาสาสมัคร ซึ่งได้รับบาดเจ็บเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศ ที่ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า



+++พล.อ.ธารไชยยันต์ กล่าวถึงเรื่องความเชื่อมั่นต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งถูกโจมตีเรื่องที่มาของนาฬิกาหรู ที่อาจบั่นทอนและสั่นคลอนกองทัพได้ ว่า กองทัพเชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชาอยู่แล้ว ก็น่าจะผ่านไปได้



+++ส่วนความร่วมมือการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลาย ๆ หน่วย ในส่วนของกองทัพเกี่ยวข้องกับการดูแลบริเวณชายแดน ซึ่งมีกองกำลังทหาร วางกำลังสกัดกั้นเพื่อดูแล ทั้งนี้ ยอมรับว่า บริเวณชายแดนมีพื้นที่ยาว เจ้าหน้าที่ก็ทำเต็มที่ สิ่งที่พยายามอย่างหนักคืองานด้านข่าวกรอง ซึ่งสถานการณ์จริงดีขึ้น นอกจากกองกำลังตามแนวชายแดนแล้ว กองทัพยังร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องและมิตรประเทศเพื่อนบ้านซึ่งก็ดีขึ้นตามลำดับ



+++ส่วนประเด็นที่ระบุว่า การที่ยังมีปัญหาอยู่ เป็นเพราะมีทหารและเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ผบ.ทสส. กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า จำนวนข้าราชการและคนที่เกี่ยวข้องในการดูแลเรื่องนี้มีจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกัน ถ้าทำไม่ดีก็มีกระบวนการตามกฎหมายดำเนินการอย่างเคร่งครัดและเต็มที่ โดยในส่วนของกองทัพพร้อมให้การสนับสนุนในการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่



+++หลังจากที่พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม คดีการตรวจค้นสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเคร็ท ย่านพระราม 9 จึงได้ขออำนาจศาลอาญา อนุมัติหมายจับ และศาลอาญาได้อนุมัติ ผู้ต้องหาเพิ่มเติม 3 ราย ประกอบด้วย1.น.ส.สุพัตรา สาราด อายุ 25 ปี น.ส.ญาณิศา พรหมบุตร อายุ 31 ปี น.ส.ประเทือง ตู่ตระสังค์ อายุ 38 ปี  กระทำความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ โดยเป็นผู้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคล และเด็ก (บุคคลผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี) โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี การแสวงหาประโยชน์ทางเพศ ในรูปแบบอื่น การบังคับใช้แรงงานหรือบริการอันเป็นการขูดรีดบุคคล ไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ด้วยวิธีการฉ้อฉล หลอกลวง หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 3คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยได้ลงมือกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ตามที่ได้สมคบกัน และร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ร่วมเป็นผู้เป็นธุระจัดหา หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม ร่วมเป็นผู้เป็นธุระจัดหา หรือชักพาไปซึ่งเด็กที่มีอายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี เพื่อให้บุคคล นั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม ร่วมเป็นผู้สนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาหรือพาไป เพื่อการอนาจารซึ่งชายหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ร่วมเป็นผู้สนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาหรือพาไป เพื่อการอนาจารซึ่งชายหญิง และได้กระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม เป็นผู้รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ให้เข้า พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ร่วมเป็นผู้ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติ เสี่ยงต่อการกระทำความผิด และกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์มิชอบจากเด็ก ร่วมกันดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี อยู่ร่วมกับผู้ซึ่งค้าประเวณี หรือสมาคมกับผู้ซึ่งค้าประเวณี รับเงินหรือประโยชน์อย่างอื่น โดยผู้ซึ่งค้าประเวณีเป็นผู้จัดให้



+++ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร(กทม.)ช่วงปี 2550 และปี 2560 โดยคดีนี้ มี นายวัฒนา หรือตุ่ม ภุมเรศ อดีตวิศวกร วัย 62 ปี เป็นจำเลยเพียงคนเดียว ที่ถูกอัยการ ยื่นฟ้อง  ซึ่งวันนี้ ศาลนัดฟังคำตัดสินถึง 3 สำนวน ที่มีการนำระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบขึ้นเองไปวางไว้ใต้ต้นไม้ใกล้ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามร้านข้าวต้มสกายไฮ ถ.ราชดำเนินกลาง ซึ่งตั้งเวลาทำให้เกิดระเบิดจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และกรณีได้นำระเบิดแสวงเครื่องไปป์บอมบ์ตั้งเวลาไปวางไว้ใต้ต้นไม้ บนฟุตบาทหน้าโรงละครแห่งชาติ เขตพระนคร จนทำให้เกิดระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย



+++ขณะที่ นายวัฒนา ไม่ได้ยื่นประกันตัวนับตั้งแต่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2560 จากคดีระเบิด รพ.พระมงกุฏเกล้า เหตุการณ์ล่าสุดช่วงต้นปี 2560 นายวัฒนา ได้ขอให้การรับสารภาพคดีในชั้นศาลทุกคดี โดยวันนี้ศาลจะเบิกตัวนายวัฒนา มาจากเรือนจำเพื่อฟังคำพิพากษา อย่างไรก็ดีสำหรับ นายวัฒนา พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการฟ้อง รวม 7 สำนวน โดยก่อนหน้านี้ศาลอาญา มีคำพิพากษาไปแล้ว 2 สำนวน คือ  คดีหมายเลขดำ อ.2869/2560 ฐานครอบครองวัตถุระเบิดซึ่งพบในบ้านพักจำเลย ย่านบางเขน ที่พิพากษาเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2560 ซึ่งถูกจำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท ตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญาโดยไม่มีการยื่นอุทธรณ์



+++และคดีระเบิด รพ.พระมงกุฏเกล้า หมายเลขดำ อ.2868/2560 ที่มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.60 จำคุก 26 ปี 12 เดือน ฐานทำให้เกิดระเบิดจนผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตามมาตรา 224 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักสุด และปรับ 500 บาท ฐานนำวัตถุระเบิดไปในที่สาธารณะ



+++กรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ห่วงว่าจะเกิดการฮั้ว หรือการล็อกโหวตได้ง่าย และอาจทำให้ไม่ตรงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ กรณีการลดกลุ่มอาชีพ ส.ว. จาก 20 กลุ่ม เหลือเพียง 5 – 10 กลุ่ม และการตัดการเลือกไขว้ระหว่างอาชีพออก ให้เหลือเพียงการเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพ พล.ร.อ. ธราธร ขจิตสุวรรณ โฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งวุฒิสภา (ส.ว.)  เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯ พร้อมนำข้อกังวลของนายมีชัยไปพิจารณาในที่ประชุม  แต่ต้องรอข้อสรุปที่ชัดเจน ภายในวันที่ 23 มกราคม นี้ ยืนยันว่าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จ ทันก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาในวาระ 2 และ 3 อย่างแน่นอน   



+++พล.ร.อ.ธราธร ปฏิเสธว่า คณะกรรมาธิการฯ ไม่ได้ดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องการเลือกไขว้ ที่ กกต.มองว่า เป็นปัญหาตั้งแต่ต้น และกรรมาธิการในสัดส่วน กกต. ก็ไม่ได้มีข้อขัดข้องในทางปฏิบัติ โดยมองว่า ข้อกำหนดและขั้นตอนต่างๆ ที่ กรธ.เขียนมา ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่เพียงไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย   



แฟ้มภาพ   



 

ข่าวทั้งหมด

X