ไอเอ็มเอฟ เตือนกลุ่มจี-20ให้ระวัง หนี้สาธารณะที่สูงขึ้น

เอเอฟพีรายงานอ้างนายโทไบอัส อาเดรียน หัวหน้าแผนกตลาดเงินและตลาดทุนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ที่ไอเอ็มเอฟมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีต่อๆไป แต่ไอเอ็มเอฟพบปัญหาใหม่คือ เรื่องหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกหรือกลุ่มจี-20 โดยเฉพาะประเทศจีน บราซิลและตุรกี ระบุว่าระดับหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นในกลุ่มจี-20 สำหรับจีน ไอเอ็มเอฟตั้งข้อสังเกตว่าจีนยังคงสนับสนุนให้มีการขยายตัวของการกู้ยืมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการกู้ยืมเงินนอกระบบ ซึ่งไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของระบบธนาคารของจีน

ขณะเดียวกันเอ็มเอฟพบว่า ภาคเอกชนในกลุ่มจี-20 มีความเข้มแข็งทางการเงินมากเดิมมากเมื่อเทียบกับในช่วงก่อนวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกเมื่อปี 2551 และความสามารถในการชำระหนี้ของเอกชนในกลุ่มจี-20 ก็สูงขึ้นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้หลายฝ่ายคาดว่า ธนาคารกลางของสหรัฐฯและยุโรปจะกำหนดเงื่อนไขทางการเงินให้มีความเง้มงวดมากขึ้น ในประเด็นนี้เขามองว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในอนาคต แม้ว่าธนาคารกลางของประเทศเหล่านั้นจะค่อยๆปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทีละเล็กทีละน้อย แต่จะมีผลให้อัตราดอกเบี้ยโดยรวมอยู่ในระดับที่สูงขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไป เขาตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมาการที่หลายประเทศมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากช่วยทำให้ประเทศเหล่านั้นสามารถจะหาแหล่งเงินกู้ยืมได้อย่างง่ายดาย เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวจากภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ แต่ขณะนี้เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในระยะการฟื้นตัว ดังนั้น การคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำจึงยังเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น

ด้านเจ้าหน้าที่หลายคนที่ที่ร่วมอภิปรายกลุ่มในที่ประชุมของสถาบันแห่งการเงินนานาชาติของสหรัฐฯเมื่อไม่ไม่นานมานี้ รวมถึงนายอัลเบอร์โต ทอร์เรส รองปลัดกระทรวงการคลังของเม็กซิโก ย้ำถึงความจำเป็นที่ประเทศต่างๆจะใช้โอกาสที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวนี้เพื่อดำเนินการปฏิรูปการเงินการคลังเพื่อช่วยปกป้องประเทศดังกล่าวให้มั่นคงแข็งแรง ถ้าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของตลาดทุนทั่วโลก ระบุว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการจัดทำนโยบายการเงินการคลังที่สมเหตุสมผล และยืดหยุ่นกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา