*รอบวัน(1):ตร.ดูกล้องวงจรปิดยิงนักธุรกิจดัง/นายกฯประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ*

22 กรกฎาคม 2558, 07:16น.


+++ตามกันต่อ วันนี้ น่าจะทราบผลการตรวจอาการของชายต้องสงสัยติดไวรัสเมอร์สที่จ.ระยอง หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงกรณีดูแลผู้ป่วยที่ จ.ระยอง รักษาในห้องแยกโรคตามมาตรการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจตะวันออกกลาง เนื่องจากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับเพื่อนที่เดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลด้วยอาการ มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก 2 วันก่อนมาโรงพยาบาล ผลการตรวจเอ็กซ์เรย์ปอดพบปกติ เบื้องต้นสรุปว่า ผู้ป่วยมีอาการไข้และมีอาการของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน แพทย์จึงรับไว้สังเกตอาการและตรวจวินิจฉัยในห้องแยกโรค



+++ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยให้ข้อมูลว่า เพื่อนอีกคนที่ จ.อุบลฯ เสียชีวิตแล้ว สั่งการให้นักระบาดวิทยาลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ตามระบบ โรงพยาบาลระยอง น่าจะส่งเชื้อไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ชลบุรี ผลจะออกภายใน 7-8 ชั่วโมง กรณีที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อ 3-4 วัน มีผู้หญิงอายุประมาณ 40 ปี ส่งเชื้อมาตรวจพบว่าเป็นไข้เลือดออก 2 สายพันธุ์ แต่ไม่ทราบว่าเป็นรายเดียวกันหรือไม่ เพราะไม่มีรายงานการเสียชีวิต



+++สถานการณ์น้ำและภัยแล้งหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติระบายน้ำให้ภาคเกษตรเฉพาะนาข้าวที่กำลังตั้งท้องพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 1.36 ล้านไร่ ส่วนพื้นที่อื่นยังห้ามสูบเหมือนเดิมรอจนกว่าสถานการณ์ปกติ เช้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ร่วมกับรองนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องนัดแรก เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่รัฐบาลได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ โดยให้กระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าภาพ



+++ครม.ให้ฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคงไปดูแลให้น้ำไปถึงพื้นที่เป้าหมาย อนุมัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้งบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดละ 10 ล้านบาท ยกเว้นภาคใต้ ไปจ้างงานเกษตรกร รวมทั้งอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล 1,173 บ่อ วงเงิน 372 ล้านบาท      



+++การส่งน้ำช่วยพื้นที่การเกษตรในลุ่มเจ้าพระยา  นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลฯ ได้พิจารณาการส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรในลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด ตามแผนที่กำหนดไว้ว่า นาข้าวที่กำลังตั้งท้อง ซึ่งปลูกในช่วงต้นเดือน พ.ค.ตามคำแนะนำของกรมชลฯ จะได้รับน้ำก่อน ซึ่งได้เริ่มปล่อยน้ำแล้วเย็นเมื่อวานนี้ จากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่แม่น้ำน้อย ในอัตรา 5 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวินาที เป็นแห่งแรก เนื่องจากกรมชลฯ ได้รับหนังสือจาก ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เข้ามาเป็นจังหวัดแรก ที่ยืนยันพื้นที่ปลูกของตัวเองชัดเจนว่ามีนาข้าวตั้งท้องรอความช่วยเหลือ หากจังหวัดใดยืนยันข้อมูลนาข้าวของตัวเอง จะได้รับน้ำทันที

+++สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนหลักของลุ่มเจ้าพระยา 4 แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำไม่ขาดทุน มีน้ำไหลเข้ามาเติมเขื่อน และน้ำที่ระบายออกปริมาณใกล้เคียงกัน ประมาณ 20 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากฝนที่เริ่มตกลงมามากขึ้น



+++ครม.อนุมัติให้โอนงบประมาณจากหน่วยงานที่ไม่สามารถทำสัญญาผูกพันในโครงการลงทุน ประจำปีงบประมาณ 2558 จำนวน 130 หน่วยงาน วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ไปเป็นงบกลางเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ภัยพิบัติ และโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ คาดว่า จะออกเป็นพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ได้ในวันที่ 20 ส.ค.สัปดาห์หน้าสำนักงบฯ จะเชิญทั้ง 130 หน่วยงาน มาหาข้อสรุปให้ชัดเจนว่าไม่สามารถทำสัญญาได้ทันแน่นอนแล้ว เพื่อให้กระบวนการออก พ.ร.บ.โอนงบฯ ดำเนินการได้ตามแผน  สำหรับความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ล่าสุดเบิกจ่ายได้แล้วร้อยละ 80.3 ตลอดปีงบประมาณคาดว่าจะเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 96



+++ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากปัญหาภัยแล้ง นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งเป็นปัจจัยลบสำคัญ ที่กระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่ประเทศไทยพบกับปัญหาลบหลายด้านรุมเร้า ทั้งมาตรฐานอุตสาหกรรมประมง ปัญหาการใช้แรงงานผิดกฎหมาย และปัญหามาตรฐานทางการบิน ดังนั้นหากสถานการณ์ภัยแล้งมีความรุนแรงมากกว่านี้ อาจทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 3 ได้ แต่ขณะนี้ยังคงมองว่า เศรษฐกิจโตได้ร้อยละ 3 ซึ่งถือว่า เป็นอัตราน่าพอใจ



+++นายบัณฑูร ระบุว่า ปัญหาภัยแล้งถือว่าน่ากังวล เพราะกระทบทั้งประชาชนที่ไม่มีน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภค และเกษตรกร และคงจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้ไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้  แต่ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ไม่ได้เกิดวิกฤติเหมือนปี 2540 เพียงแต่เศรษฐกิจแผ่วลงและอาจจะสะดุดบ้าง แต่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันและอดทนที่จะฝ่าภาวะปัญหาในช่วงนี้ไปให้ได้



+++ส่วนกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ นายบัณฑูร มองว่า ไม่ใช่ประเด็น เพราะมีข่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ที่สำคัญคือ ต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด และประชาชนทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน  การทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ในครึ่งปีหลัง ยอมรับว่า เป็นไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กำไรของธนาคารก็คงจะเติบโตได้น้อย ขณะที่การปล่อยสินเชื่อคาดว่า จะโตร้อยละ 6 ซึ่งธนาคารคงจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่า จะต้องตั้งสำรองเพิ่มอีกหรือไม่ ปัญหาฟองสบู่ในตลาดหุ้นจีน ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อธนาคารทุกแห่งในจีน ซึ่งธนาคารกสิกรไทย ก็ระมัดระวัง เพราะรู้ว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง



+++ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า  ในมุมเอกชน ต้องการให้ข้อเสนอต่าง ๆ ของภาคเอกชน ได้รับการตอบรับจากทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่ว่าจะชุดใหม่หรือเก่าโดยเร็ว เนื่องจากที่ผ่านมาข้อเสนอของเอกชน ได้รับการตอบสนองที่ล่าช้า โดยเฉพาะการช่วยเหลือเอสเอ็มอี อยากหาแนวทางเร่งแก้ไข ก่อนลุกลามเหมือนทุกวันนี้ รวมทั้งการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ยังล่าช้ามาก



+++พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ให้ปรับมาเลย ให้เสนอมาเดี๋ยวจะนำไปคิดเอง ส่วนความคืบหน้าเรื่องงานด้านเศรษฐกิจ พยายามทำทั้งระบบทั้งเศรษฐกิจระดับ ชาติ และในประเทศการจัดตั้งคณะกรรม การขับเคลื่อนมาตรการ กระตุ้น เศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ เป็นห่วงเรื่องการใช้งบประมาณที่มีหลายประเภทและมีโครงการ ใหม่ ๆ เข้ามาหลายโครงการเป็นห่วงว่าแต่ละโครงการจะมีใช้เงินมากน้อยเพียงใด



+++สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) เดินหน้ากดดันไทยให้ปล่อยชนเชื้อสายอุยกูร์มากกว่า 50 คนเดินทางไปยังตุรกี แม้ถูกกดดันจากจีนให้ส่งมอบพวกเขากลับไปยังจีน รายงานของวอยซ์ออฟอเมริกา ระบุว่า รัฐบาลไทยมีการเจรจากับทั้งจีนและตุรกีมานานกว่าปี นับตั้งแต่พบตัวชาวอุยกูร์กว่า 350 คนซ่อนตัวอยู่ในไทยและนำไปควบคุมตัวตามศูนย์กักกันต่างๆต่อมาชาวอุยกูร์ราว 180 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ถูกส่งไปยังตุรกี หลังได้รับเอกสารคนเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมาย วิเวียน ตัน โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติประจำประเทศไทย เรียกร้องรัฐบาลไทย ยินยอมให้คนกลุ่มนี้เดินทางอย่างอิสระ โดยพื้นฐานแล้ว เรียกร้องรัฐบาลยอมให้คนที่ยังอยู่ในไทย ได้รับการเนรเทศโดยสมัครใจยังไปดินแดนที่รัฐบาลนั้นมีความเต็มใจต้อนรับพวกเขา



+++กรณีผู้ตรวจการแผ่นดิน หยิบยกการถอนฟ้องคดีการซื้อที่ดินของพระธัมมชโยขึ้นมาพิจารณาใหม่ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และส่งหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานพิจารณาเรื่องนี้  ซึ่งเรื่องนี้ นายพชร ยุติธรรมดำรง อดีตอัยการสูงสุดในขณะนั้นมีคำสั่งให้ถอนฟ้องคดี เบื้องต้นนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยมี น.ส.นิภาพร รุจนรงศ์ ผู้ตรวจการอัยการ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงาน ยังไม่เสร็จสิ้น ตามขั้นตอนแล้วหากคณะทำงานมีผลการพิจารณาเป็นอย่างไร ก็จะต้องส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อให้พิจารณาอีกครั้ง ก่อนจะมีคำสั่งต่อไป กรณีที่มีการยื่นหนังสือจาก กลุ่มผู้สนับสนุน และกลุ่มลูกศิษย์พระธัมมชโย นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้แจงว่า การวินิจฉัยยังไม่ถือว่าสิ้นสุด พร้อมจะรับข้อมูลหลักฐานโต้แย้งเพิ่มเติมได้



 



 

ข่าวทั้งหมด

X