บช.น.เตรียมกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมวันนี้ ป้องกันไม่ให้กระทบต่อประชาชนส่วนรวม

09 มีนาคม 2564, 15:29น.


     พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.(จต.) ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีการประกาศชักชวนชุมนุมในหลายสถานที่ โดยเฉพาะศาลอาญารัชดาฯ และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ว่า บช.น.เตือนกลุ่มผู้ชุมนุมว่าขณะนี้กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ประกาศห้ามชุมนุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค หากมีความเสี่ยงแพร่ระบาดเชื้อโรคจะมีความผิดตามกฎหมาย




     สำหรับเหตุการณ์ชุมนุมที่ศาลอาญาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา บช.น.ได้แบ่งการดำเนินกับกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมด 6 กลุ่ม ได้แก่ 


     1. กลุ่มของ นายปิยรัฐ จงเทพ อายุ 31 ปี หัวหน้าการ์ดอาสาวีโว่ รวม 18 ราย จะถูกดำเนินคดีข้อหา "สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อเตรียมการกระทำผิด, เป็นอั้งยี่และซ่องโจร, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค"  


     2. กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับและหลบหนีไปได้ จะถูกดำเนินคดีข้อหา "หลบหนีไปจากการควบคุมของเจ้าพนักงานสอบสวน หรือพนักงานสืบสวนคดีอาญา, สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อเตรียมการกระทำผิด, เป็นอั้งยี่และซ่องโจร, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค" ภายหลังได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน จึงได้ปล่อยตัวออกไป จากนั้นจะพิสูจน์ทราบว่าบุคคลทั้ง 27 ราย เป็นผู้ที่หลบหนีไปจากการควบคุมจริงหรือไม่ หากพิสูจน์ทราบแล้วใช่พนักงานสอบสวน จะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา นอกจากนี้ ยังมีบางส่วนไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน ก็จะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาเช่นกัน  


     3. กลุ่มบุคคลทุบทำลายรถของทางราชการ จากนั้นได้ร่วมกันชิงตัวผู้ต้องหา ชิงทรัพย์สินของกลางบางส่วน และทำร้ายตำรวจ จะถูกดำเนินคดีข้อหา "ร่วมกันช่วยเหลือให้ผู้ต้องหา หรือผู้ถูกควบคุมในอำนาจของพนักงานสอบสวน หรือพนักงานสืบสวนคดีอาญา ให้หลุดพ้นจากการควบคุมดูแลของเจ้าพนักงาน, ต่อสู่ขัดขวางเจ้าพนักงาน, ใช้อาวุธ หรือร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และทำให้เสียทรัพย์ของทางราชการ"  


     4. กลุ่มบุคคลทุบทำลายแนวรั้วทรัพย์สินของทางราชการศาลอาญา มีการนำสิ่งต่างๆ มาเผารวมถึงพระบรมฉายาลักษณ์ บุกรุกเข้ามาในสถานที่ราชการศาลอาญา และสำนักงานอัยการสูงสุด จะถูกดำเนินคดีข้อหา "บุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืน และละเมิดอำนาจศาล" นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาในฐานความผิดมาตรา 112  


     5. กลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆ จะถูกดำเนินคดีข้อหา "ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค  


     6. กลุ่มบุคคลใช้อาวุธปืนยิงใส่รถตำรวจ กก.ตชด.ที่ 31 ได้รับความเสียหาย 6 คัน พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาในฐานความผิด "พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน"  




     กรณีนายปิยรัฐ หรือโตโต้ อ้างว่าทรัพย์สินได้สูญหายไประหว่างการถูกจับกุมนั้น จากการตรวจสอบในวันเกิดเหตุมีกลุ่มบุคคล เข้าทุบรถยนต์ของทางราชการ มีการแย่งชิงตัวผู้ต้องหา แย่งชิงของกลางบางส่วนไป และปล้นทรัพย์สินส่วนตัวของตำรวจ พนักงานสวนเข้าตรวจค้นรถได้พบทรัพย์สินของกลางของ นายปิยรัฐ ตามที่กล่าวอ้างแล้ว จึงนำเข้าสู่สำนวนการสอบสวนต่อไป และหากมีทรัพย์สินของกลางสูญหายจากความบกพร่องของตำรวจ ก็จะมีการพิจารณาในส่วนของข้อบกพร่อง แต่ถ้าข้อเท็จจริงเกิดจากการประทุษร้ายของผู้ชุมนุม เขาต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ขณะนี้ทรัพย์สินของตำรวจที่สูญหายทั้งพระเหลี่ยมทอง และสร้ายคอยังไม่ได้รับคืน ตำรวจนายดังกล่าวยังพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ถ้าออกมาแล้วจะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อไป 


อ่านข่าว เลี่ยงเส้นทางชุมนุม คลิก
X