หลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ทำไมต้องรอ 30 นาที?

            ที่ผ่านมาได้มีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด – 19 กันไปบางส่วนแล้ว ซึ่งหลังฉีดมักจะได้รับคำแนะนำให้รอดูอาการในโรงพยาบาลก่อน 30 นาที จนบางครั้งก็ทำให้เกิดความสงสัยว่าทำไมต้องรอ 30 นาที กลับบ้านเลยเหมือนที่ฉีดวัคซีนอื่นๆ ไม่ได้หรือ? ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกมาอธิบาย เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง พร้อมความปลอดภัยต่อร่างกาย

            คุณสมบัติของวัคซีนโควิด – 19

            วัคซีนโควิด – 19 ชนิดเอซีดี1222 (AZD1222) โดยแอสตร้าเซเนก้า ผลิตจากเชื้อไวรัสชิมแปนซีอะดีโน มาดัดแปลงพันธุกรรมทำให้ไม่สามารถแบ่งตัวและก่อโรคในมนุษย์ แต่สามารถทำให้สร้างโปรตีนเหมือนของเชื้อซาร์ลโควี – 2 ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต่อต้านเชื้อซาร์สโควี – 2 วัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันความเจ็บป่วยจากโรคโควิด – 19 ได้สูงมาก โดยเฉพาะโรครุนแรง วัคซีนอาจป้องกันโรคแบบไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการไม่ได้

            หลังฉีดวัคซีน ทำไมต้องรอ 30 นาที

            วัคซีนโควิด - 19 เป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง และผลข้างเคียงน้อย โดยผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น ปวดบริเวณที่ฉีด มีไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งส่วนมากอาการไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองใน 1 – 2 วัน แต่หากใครที่ฉีดวัคซีนโควิด – 19 ไปแล้วเกิดปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแรง เช่น มีผื่นขึ้นทั้งตัว คอบวม หายใจลำบาก ใจสั่น วิงเวียนหรืออ่อนแรง หรือมีอาการแขนขาอ่อนแรง ควรรีบไปโรงพยาบาลหรือโทร 1669 เพื่อรับบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน

            ซึ่งภาวะแพ้วัคซีนอย่างรุนแรงมักเกิดจากผู้รับวัคซีนมีการตอบสนองผิดปกติต่อวัคซีน แต่ถึงกระนั้นก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยให้สังเกตอาการในโรงพยาบาลอย่างน้อย 30 นาที ทั้งนี้ หากครบ 30 นาทีแล้วไม่มีอะไรก็ให้ติดตามอาการต่ออีก 1 วัน, 7 วัน, 30 วัน กรณีที่มีอาการข้างเคียงให้รีบพบแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลที่ฉีดวัคซีนเข็มแรก อย่างไรก็ตาม ควรรับวัคซีนตามกำหนด และเก็บบันทึกการรับวัคซีนไว้เป็นหลักฐาน

            สำหรับผู้ที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด – 19 ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค และผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่าง โรคปอด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ผู้มีภาวะอ้วน โรคหลอดเลือดในสมอง โรคมะเร็ง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งควรฉีดจำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 10 – 12 สัปดาห์

ข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข