(3 ก.พ. 64) เวลา 07.00 น. นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการโยธา ลงพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อยการเปิดใช้งานสะพานข้ามทางแยกบางพลัดเป็นวันแรกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมีคณะผู้บริหารสำนักการโยธา ผู้บริหารสำนักงานเขตบางพลัด เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลในพื้นที่ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักการโยธา ร่วมลงพื้นที่ ณ บริเวณเชิงลาดสะพานข้ามทางแยกบางพลัด พื้นที่เขตบางพลัด
.jpg)
กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการโยธา ได้ดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกบางพลัด เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนสิรินธร และถนนจรัญสนิทวงศ์ โดยได้เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 รวมระยะเวลาใช้งาน 29 ปี สะพานดังกล่าวมีความยาว 585 ม. โดยมี 19 ช่วง ช่วงกลางมีความยาว 50 ม. และอีก 18 ช่วง มีความยาว 25 ม. อยู่ในพื้นที่เขตบางพลัด ที่ผ่านมาสภาพผิวจราจรได้ชำรุดเสียหายจากการใช้งานอย่างต่อเนื่อง สำนักการโยธา จึงได้ดำเนินการซ่อมแซมชั่วคราว ต่อมาสภาพผิวจราจรได้เกิดการชำรุดเสียหายไปมากและมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องปิดสะพานข้ามแยกบางพลัดชั่วคราว เพื่อดำเนินการปรับปรุงสะพานโดยเร่งด่วน ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เริ่มสัญญาวันที่ 27 ส.ค.63 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 22 ก.พ.64 กำหนดแล้วเสร็จภายใน 180 วัน ประกอบด้วย งานปรับปรุงผิวจราจรพื้นสะพานและเชิงลาดสะพาน ได้แก่ งานไสผิวจราจร ระบบป้องกันสนิมของพื้นเหล็ก ซ่อมรอยต่อแผ่นคอนกรีตอัดแรง ปรับปรุงเชิงลาดสะพานด้วยวัสดุ Bound Base และปูผิวจราจรด้วยโมดิฟายแอสฟัลต์ งานปรับปรุงรอยต่อสะพาน แบบ Air pressure seal และ ปรับปรุงรอยต่อประเภท Aluminum Strip Seal with Header งานปรับปรุงเครื่องหมายจราจร ล้างทำความสะอาด งานปรับปรุงทางเท้าใต้สะพาน งานปรับปรุงท่อระบายน้ำสะพาน ทั้งนี้ โครงการปรับปรุงสะพานข้ามทางแยกบางพลัดแล้วเสร็จ และคงเหลือเฉพาะงานเก็บความเรียบร้อยของงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานผิวจราจร ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ก่อนสิ้นสุดสัญญา เพื่อลดผลกระทบด้านปัญหาการจราจรแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน
.jpg)
.jpg)
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการปรับปรุงสะพานข้ามทางแยกบางพลัด จะทำให้การเดินทางสัญจรบนถนนสิรินธร ถนนจรัญสนิทวงศ์ และบริเวณใกล้เคียง มีความคล่องตัว สะดวกปลอดภัย เนื่องจากได้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมระบบโครงสร้าง ระบบระบายน้ำ รวมทั้งส่วนประกอบอื่นๆ เป็นการช่วยยกระดับการเดินทางของประชาชนให้มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น