“น้ำเกลือ Normal Saline” ใช้แช่คอนแทคเลนส์ได้ จริงหรือ?

            ใครที่มีสายตาสั้นแล้วไม่อยากใส่แว่นด้วย “คอนแทคเลนส์” นับเป็นอีกตัวช่วยที่ดีและมีผู้สนใจเลือกใช้งานเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าก่อนจะใช้งานจำต้องแช่คอนแทคเลนส์ไว้ก่อนเสมอ ซึ่งบางคนก็มีความเชื่อที่สามารถนำไปแช่ไว้ในน้ำเกลือ Normal Saline ได้ แต่ในความเป็นจริงเราสามารถใช้น้ำเกลือ Normal Saline ใช้แช่คอนแทคเลนส์ได้ จริงหรือ? ด้วยความห่วงใยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงได้ออกมาอธิบายสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ช่วยให้ใช้งานอย่างเหมาะสม

           คอนแทคเลนส์กับระยะเวลาการใช้งาน

           ขออธิบายก่อนว่าคอนแทคเลนส์ หรือเลนส์สัมผัสจะใช้ใส่บนกระจกตา หรือตาดำเพื่อแก้ไขสายตาผิดปกติ โดยคอนแทคเลนส์มีหลายชนิดแบ่งตามระยะเวลาการใช้งาน ได้ดังนี้

            - ชนิดใช้รายวัน

            - ชนิดใช้รายสัปดาห์

            - ชนิดใช้รายเดือน

            - ชนิดใช้รายปี

            โดยคอนแทคเลนส์รายวันเป็นแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ส่วนชนิดอื่นสามารถใช้ได้หลายครั้งตามระยะเวลาที่กำหนด ดังนั้น การดูแลรักษาเพื่อใช้งานในครั้งถัดไปจึงเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากเป็นวัตถุที่ใช้กับดวงตา หากเก็บรักษาไม่ดี ไม่สะอาด จะทำให้ตาติดเชื้อแบคทีเรียได้

            น้ำเกลือ Normal Saline ใช้แช่คอนแทคเลนส์ได้ จริงหรือไม่

            หลาย ๆ คนสงสัยกันว่าน้ำเกลือ Normal Saline สามารถใช้แช่คอนแทคเลนส์ได้จริงหรือไม่ ตอบตรงนี้เลยว่า “ไม่จริง” เพราะน้ำเกลือ Normal Saline ชนิดใช้ภายนอกร่างกาย คือ เกลือโซเดียมคลอไรด์ละลายในน้ำบริสุทธิ์ปราศจากเชื้อ ไม่ผสมวัตถุกันเสีย และไม่ผสมสารฆ่าเชื้อ หากนำมาแช่คอนแทคเลนส์จะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียได้

            และเพื่อความปลอดภัยแนะนำให้แช่คอนแทคเลนส์ด้วยน้ำยาสำหรับแช่คอนแทคเลนส์นาน 4-6 ชั่วโมง (แล้วแต่ชนิดของน้ำยา) หลังจากแช่น้ำยาสำหรับแช่คอนแทคเลนส์จนครบเวลาแล้ว ก่อนใช้คอนแทคเลนส์ควรล้างด้วยน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์ หรือน้ำเกลือ Normal Saline อีกครั้งหนึ่ง เพราะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อแบคทีเรียได้

             แม้ว่าน้ำเกลือ Normal Saline ไม่สามารถใช้แช่คอนแทคเลนส์ได้ แต่ถึงกระนั้นก็สามารถนำมาใช้ล้างก่อนใส่บนดวงตาเพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดการระคายเคืองตาได้ ทั้งนี้ หากใครใช้คอนแทคเลนส์แล้วมีอาการเจ็บตา ตาแดง ให้รีบหยุดใช้ และไปพบแพทย์ทันที

 

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)