"ดวงตา" นับว่าเป็นอวัยวะที่บอบบางที่สุดของร่างกายเรา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลรักษาอย่างดีที่สุด ซึ่งปัจจุบันพบผู้ป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับดวงตาไม่น้อยเลยทีเดียว ว่าแต่มีโรคตาอะไรบ้าง แล้วสาเหตุรวมถึงอาการของแต่ละโรคตาเป็นอย่างไร วันนี้ รศ.พญ.เกวลิน เลขานนท์ สาขาวิชากระจกตาและการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ ภาควิชาจักษุวิทยา จะเป็นผู้ออกมาอธิบาย สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
5 อันดับโรคตาสุดฮิต ที่ไม่เป็นมิตรกับดวงตา
อันดับ 1 โรคต้อกระจก
โรคต้อกระจกเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามวัย บริเวณเลนส์แก้วตาซึ่งอยู่ด้านในดวงตา โดยจะมีลักษณะขุ่นขึ้น ก่อให้เกิดอาการตาพร่ามัว หากเป็นในช่วงแรกอาจใส่แว่นตาช่วยได้แต่เมื่อเวลาผ่านไป นอกจากต้อกระจกจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้น เนื้อเลนส์แก้วตาก็ยังขุ่นเพิ่มขึ้นด้วย ใส่แว่นก็ไม่ช่วยอะไรจึงต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดรักษา กรณีปล่อยทิ้งไว้จะทำให้สูญเสียการมองเห็นไปได้
อันดับ 2 โรคต้อหิน
โรคต้อหินก็เป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามวัยเช่นกัน ซึ่งโดยปกติแล้วแพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปได้รับการตรวจเช็คความดันลูกตา เนื่องจากเป็นภาวะที่ไม่เกิดอาการแน่ชัดจนกว่าจะเป็นหนักมาก และหากเป็นหนักมากก็จะทำให้ตาพร่ามัวได้ พอตาพร่ามัวก็จะไม่สามารถรักษาอาการให้หายเป็นปกติได้ โดยผู้ที่มีประวัติเป็นตาต้อหินในครอบครัวจะเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป ทั้งนี้ ผู้ที่มีการใช้ยาบางประเภท เช่น ยากลุ่มสเตียรอย หรือผู้ที่เคยป่วยด้วยอาการม่านตาอักเสบมาก่อนควรเข้ารับการตรวจความดันลูกตาอย่างสม่ำเสมอ
อันดับ 3 โรคเบาหวานขึ้นจอตา
ผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานควรระวังภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับโรคเบาหวานขึ้นจอตา ซึ่งในระยะแรกจะไม่แสดงอาการเช่นกัน ดังนั้น กรณีที่ป่วยด้วยโรคนี้จึงควรเข้าพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจเช็คว่ามีภาวะเบาหวานขึ้นจอตาหรือไม่ เพื่อป้องกันความรุนแรง แต่หากเป็นมากแล้วก็จะทำให้ตาพร่ามัวได้เช่นกัน และเมื่อเป็นมากๆ ผู้ป่วยจะได้รับการยิงเลเซอร์ หรือฉีดยาบางชนิดเข้าไปในดวงตา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียด้านการมองเห็น
อันดับ 4 โรคต้อเนื้อ ต้อลม
เป็นภาวะที่แสดงว่าเยื่อบุตามีความเสื่อมซึ่งจะพบได้ค่อนข้างมาก เนื่องจากดวงตาสู้แสงอุลตราไวโอเลต หรือแสงแดดมาก โดยอาการที่พบจะมีตั้งแต่ขัดเคืองตา ไม่สบายตา เหมือนมีเศษฝุ่นในตา หรือหากมีอาการรุนแรงขึ้นจะเห็นเป็นเนื้อเยื่อบริเวณดวงตาขาวชิดดวงตาดำ เรียกว่าต้อลม แล้วเมื่อเป็นรุนแรงมากขึ้นไปอีกก้อนเนื้อเยื่อนี้ก็จะลุกลามเข้ามายังดวงตาดำ ซึ่งหากลุกลามเข้ามาภายในดวงตาดำเราก็จะเรียกว่าต้อเนื้อ ซึ่งวิธีป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้นแพทย์จะให้ผู้ป่วยใส่แว่นกันแดด
อันดับ 5 โรคตาแห้ง
สาเหตุการเกิดนั้นมีหลากหลายปัจจัย อย่าง เป็นตามวัย มีโรคประจำตัวบางอย่าง (ภูมิแพ้ตนเอง) ใส่คอนแทคเลนส์ ใช้ยาภูมิแพ้ หรือยาผิวหนังบางประเภทซึ่งทำให้น้ำตามีน้อยลง อยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้นหรืออากาศต่ำ (ทำงานบนเครื่องบิน) การใช้งาน จ้องจอดิจิตอลมากขึ้น (มือถือ แท็ปเลต คอมพิวเตอร์) โดยจะทำให้เรากะพริบตาน้อยลง น้ำตาระเหยออกจากดวงตาได้ง่าย การสร้างไขมันมาเคลือบน้ำตาก็น้อยลง
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หวังว่าทุก ๆ คนจะเกิดความเข้าใจ ซึ่งแต่ละโรคตาล้วนทำให้ดวงตาพร่ามัวจนสูญเสียการมองเห็นได้ อาจยากต่อการใช้ชีวิตในอนาคต และหากใครสงสัยหรือเข้าข่ายป่วยด้วยโรคตาทั้ง 5 นี้ ควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย และรักษาอย่างถูกวิธีต่อไป
ข้อมูล : Rama Channel