ถ่ายเป็นเลือด! จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นอาการของ “ริดสีดวงทวาร” หรือ “มะเร็งลำไส้” ?

            เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยเมื่อถ่ายออกมาแล้วเป็นเลือดช่วงแรกๆ คงคิดว่าไม่เป็นไรแต่เมื่อนานวันเข้าก็ยังคงมีถ่ายเป็นเลือดอยู่คงเกิดความวิตกกังวลและสงสัยไปพร้อมๆ กันว่าอาการถ่ายเป็นเลือดนี้นั้นมีโอกาสเป็นริดสีดวงหรือมะเร็งลำไส้กันแน่ ก็แหม..อาการของทั้ง 2 โรคเวลาถ่ายมักจะเป็นเลือดทั้งนั้นนี่ และเพื่อให้ทุกคนเกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง อ.ดร.นพ.วิทูร ชินสว่างวัฒนกุล สาขาวิชาศัลยศาสตร์ทั่วไป ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดลจะมาเป็นผู้อธิบายถึงข้อสงสัย ถ่ายเป็นเลือด.. จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นอาการของ “ริดสีดวงทวาร” หรือ “มะเร็งลำไส้”?

             อาการที่บ่งบอกว่าคุณเสี่ยงเป็น "ริดสีดวงทวาร" VS "มะเร็งลำไส้"

             กรณีที่เป็นเลือดซึ่งถ่ายออกมาทางทวารหนักหากเป็นริดสีดวงจะถ่ายออกมาปริมาณมากๆ ครั้งเดียวและจะหยุดไป ซึ่งเลือดที่ออกมาจะสีแดงสด ไม่มีมูกปน ไม่ปวดท้อง หรือบางคนถ่ายเป็นเลือดออกมากะปริบกะปรอย หรือมีก้อนผุบๆ โผล่ๆ ใกล้ขอบทวารหนักพร้อมเลือดหยดสักพักก็หายไป ส่วนมะเร็งลำไส้จะมีเลือดออกปริมาณมาก และออกมา 3 – 4 ครั้งติดกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในภายลำไส้อาจมีบาดแผล หรือเนื้องอกสาเหตุของการเกิดเลือด นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมโดยลักษณะของอุจจาระมักจะมีลำเล็กกว่าปกติ ประมาณเท่าเส้นก๋วยเตี๋ยว

            ปัจจัยที่ให้เกิดริดสีดวง

            - เกิดจากการนั่งเบ่งอุจจาระนานๆ หรือบางคนติดนิสัยนั่งเล่นมือถือ หรืออ่านหนังสือต่างๆ ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จะทำให้เกิดความเครียดบริเวณกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักเกิดเยื่อบุผิวด้านในมีแรงผลักลงมา ประกอบกับเส้นเลือดบริเวณหูรูดมีเยอะเกิดลักษณะคล้ายเส้นเลือดขอดร่วมกับเยื่อบุที่บานออกมาด้วยกลายเป็นตุ่มยื่นออกจากทวาร

            - ดื่มน้ำน้อยต่อวัน ซึ่งโดยทั่วไปมนุษย์เราควรดื่มให้ได้วันละ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร หากดื่มน้ำน้อยจะเสี่ยงเป็นริดสีดวงได้เนื่องจากในแต่ละวันร่างกายของเรามีการเสียน้ำเรื่อยๆ เช่น เหงื่อ ปัสสาวะ ดังนั้นน้ำที่จะไหลมาถึงบริเวณทวารหล่อลื่นอุจจาระจึงเหลือไม่ถึง 200 cc หรือพูดง่ายๆ ว่าถูกดูดซึมไปหมดแล้ว ทำให้อุจจาระแข็งมาก บาดทวารกลายเป็นติ่งยื่นออกมา

            ในส่วนของมะเร็งลำไส้ส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความเครียด กินเนื้อสัตว์มากกว่าผักหรือผลไม้ ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ดื่มน้ำน้อย ฯลฯ โดยวิธีการรรักษานั้นจะทำการผ่าตัดและต่อลำไส้ หรือคนไข้บางคนต่อลำไส้ไม่ได้แพทย์จะทำการยกอุจจาระมาทางหน้าท้องถาวรแทน แต่ทางที่ดีเพื่อให้ร่างกายปลอดภัยจากทั้งริดสีดวงและมะเร็งลำไส้ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว พร้อมทั้งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ข้อมูล : Mahidol Channel