เสพข่าวมากเกินไปเกิดผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ แนะนำ 5 วิธีเสพข่าวไม่ให้เครียด สร้างความเข้าใจปรับใช้เหมาะสม

            จากสถานการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายๆ คนเสพข่าวอย่างต่อเนื่อง หรือบางคนเสพข่าวมากจนเกินไป ซึ่งอาจไปกระตุ้นจนเกิดอารมณ์ต่างๆ และเมื่ออยู่กับอารมณ์เหล่านั้นบ่อยเข้าไม่เป็นผลดีต่อร่างกายแน่นอน ด้วยความห่วงใยจากกรมสุขภาพจิต จึงได้ออกมาอธิบายผลกระทบต่อร่างกายเมื่อเสพข่าวมากเกินไป รวมถึงแนะนำ 5 วิธี เสพข่าวไม่ให้เครียด เพื่อสร้างความเข้าใจและนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม

            ติดตามข่าวสารมากเกินไปอาจส่งผลกระทบจนเกิดปัญหาทางกายและทางจิตใจ

            การติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ความเคลื่อนไหวประเทศนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่การติดตามมากเกินไป โดยเฉพาะข่าวสารที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ต่างๆ เช่น โกรธ เศร้า กังวล และเมื่อต้องอยู่กับอารมณ์เหล่านี้ซ้ำๆ อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดปัญหาทางกายมากขึ้น เช่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ หายใจไม่อิ่ม ปวดท้อง ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ นอนไม่หลับ และเกิดอาการทางจิตใจ ทั้ง วิตกกังวลครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา หงุดหงิดง่าย ฉุนเฉียว ก้าวร้าว สมาธิไม่ดี ฟุ้งซ่านหรือหมกมุ่นมากเกินไป เบื่อหน่าย หรือท้อแท้

            แนะนำ 5 วิธี เสพข่าวไม่ให้เครียด

            สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองเสพข่าวโดยเฉพาะสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ความเคลื่อนไหวประเทศทุกวันๆ แล้วมีความเครียด เชื่อว่า 5 วิธีนี้จะช่วยให้การเสพข่าวดีขึ้น คือ

            - ให้ความสำคัญกับสติตนเองทุกครั้งเมื่อต้องเสพข่าว จัดสรรเวลาติดตามข่าวสาร ไม่ควรติดตามต่อเนื่องนานไป 

            - พยายามทำกิจวัตรประจำวันให้เป็นปกติ ละเว้นการรับรู้ข่าวสารที่ส่งผลต่อความเครียดชั่วคราว ใช้เวลากับการทำงาน การเรียนและใช้เวลาที่มีคุณภาพกับครอบครัว

            - เคารพความเชื่อและความคิดเห็นแบบประชาธิปไตยที่มีความแตกต่างหลากหลายได้

            - ฝึกการเปิดใจกว้างและทดลองรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ตรงกับความเชื่อเดิม

            - พักผ่อนและผ่อนคลายความเครียด เช่น การนอน ออกกำลังกาย ฝึกทำสมาธิ

            แต่ทั้งนี้ หากอาการยังไม่ดีขึ้น เช่น ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ มีความเครียดรุนแรง สูญเสียความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง สามารถขอรับบริการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อหาทางแก้ไขที่เหมาะสมต่อไป

ข้อมูล : กรมอนามัย