ปัญหาค้างคาใจผู้ขับรถหลายต่อหลายคน...เมื่อน้ำท่วม..รถต้องลุยน้ำลึกเครื่องยนต์จะดับไหม...?

04 ตุลาคม 2563, 17:09น.


            "น้ำท่วมถนน..รถเราลุยน้ำได้ลึกแค่ไหน?..เครื่องยนต์จะดับไหม?..รถจะพังเสียหายมากแค่ไหน?..ช่วงฤดูฝนต้องเตรียมรถ/เตรียมตัวอย่างไร?"...เหล่านี้ คือปัญหาค้างคาในใจผู้ขับรถหลายต่อหลายคนและอยากได้คำตอบ .ใช่ไหมครับ?



1) "รถที่เราขับใช้ลุยน้ำได้ลึก(หรือว่า ระดับน้ำสูง)ได้แค่ไหน?" 

             - รถยนต์ไม่ใช่เรือ ไม่สามารถป้องกันน้ำเข้าในตัวรถได้ ..ดังนั้นรถทุกคันในโลกสามารถลุยน้ำได้ลึกหรือว่าสูงระดับดุมล้อรถ โดยเครื่องยนต์ไม่ดับและรถจะเสียหายน้อยที่สุด




2) "เวลาขับรถลุยน้ำ เครื่องยนต์จะดับพังเสียหายเพราะอะไร?"

          - น้ำเข้าในตัวเครื่องยนต์(โดยผ่านไส้กรองอากาศ และ/หรือข้อต่องวงช้างไส้กรองอากาศ เข้าไปทางไอดีสู่ห้องเผาไหม้ในตัวเครื่องยนต์ = เครื่องยนต์สำลักน้ำ อาการเดียวกับที่น้ำเข้าจมูก-ปาก ลงทางเดินหายใจในตัวมนุษย์เรา)

         - ระบบไฟในตัวรถยนต์เปียกน้ำ และ ช้อต และที่เสียหายมากคือ น้ำเข้าท่วมกล่องควบคุม(ECU)เครื่องยนต์ และระบบต่างๆของตัวรถยนต์

         - น้ำเข้าก้านวัดระดับน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ ..เมื่อน้ำเข้าไปผสมกับน้ำมันหล่อลื่นฯก็จะกลายสภาพเป็นดั่งโคลน ทำให้ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์เสียหายมาก (รวมทั้งก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์อัตโนมัติ ด้วย)

         - น้ำเข้าท่อหายใจของเครื่องยนต์(ท่อไอดี) มีผลทำให้ หัวฉีดเชื้อเพลิง (Fuel Injection) พังทั้งระบบ




3) "น้ำท่วมเข้าท่อไอเสีย..เครื่องยนต์จะดับไหม?"

           - ไม่ดับครับ แรงดันไอเสียจะเป่าน้ำออก น้ำเข้าได้อย่างมากแค่ท่อพักไอเสีย




4) ถาม: "ถ้าลุยน้ำแล้วเครื่องยนต์ดับ จะทำอย่างไร?"

            - พยายามสตาร์ทเครื่องยนต์(เพียงครั้งเดียว)โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งน้ำมันฯ (ป้องกันความเสียหายลุกลาม)

            - เข็นเคลื่อนย้ายรถไปบนที่แห้ง ที่สูง พ้นจากน้ำท่วม หรือที่ลาดเอียงได้ยิ่งดี(เพื่อเทน้ำออกจากตัวรถ)

            - ยกรถเข้าอู่/ศูนย์บริการ

ดังนี้ จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ป้องกันไม่ให้รถเสียหาย/ค่าซ่อมแพงมาก




5) "ช่วงฤดูฝน..เตรียมรถ/เตรียมตัวอย่างไร?"

           - จัดซื้อ สายลากจูง สายพ่วงแบตเตอรี่ และ ไฟฉาย(พร้อมถ่านไฟ) ติดท้ายรถไว้ เผื่อเป็นเครื่องมือให้คนมาช่วย

           - พยายามเติมน้ำมัน "เต็มถัง" ไว้ทุกวัน (เผื่อการจราจรติดขัดเนิ่นนาน)

           - ตรวจเติมน้ำกลั่นแบตเตอรี่ และชาร์จไฟให้เต็มในวันหยุด (เพราะรถจะใช้ไฟมากขณะฝนตกรถติดขัด เพราะเราเปิดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์หลายอย่างพร้อมกัน เช่น ไฟหน้า ที่ปัดน้ำฝน แอร์ วิทยุ ฯลฯ)

           - ซื้อหรือนำอุปกรณ์ที่สามารถถ่ายปัสสาวะในรถได้ ขณะรถติดขัด




6) "รถจมน้ำท่วม..ประกันชดใช้ค่าเสียหาย/ค่าซ่อมหรือไม่?"

             - แล้วแต่ละประเภทกรมธรรม์-การคุ้มครอง ควรตรวจดูเอกสารกรมธรรม์




7) "ทำไมต้องเอารถเข้าอู่/ศูนย์บริการหลังน้ำท่วมหรือฤดูฝน?"

              - เพื่อตรวจเช็ค และเปลี่ยนถ่ายของเหลว(น้ำมันต่างๆ)ใหม่เพราะน้ำเข้า (โลหะเมื่อร้อนจะขยายตัว..เมื่อโดนความเย็นจากน้ำจะหดตัวทันที และหดตัวไม่เท่ากัน ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนโลหะกับโลหะ น้ำจึงซึมแทรกเข้าไปได้)




ขอบคุณเรื่องราวดีๆ จาก คุณ พีระพงษ์ กลั่นกรอง

X