บ้านไหนเป็นทาสแมวแล้วมีหญิงตั้งครรภ์อยู่ด้วยล่ะก็รีบพาคุณแม่ออกห่างจากแมวให้ไวเลย ยิ่งคุณแม่คนใดต้องเก็บขี้แมว ล้างกระบะทราย หรือชอบเล่นกับแมวด้วยยิ่งแล้วใหญ่ เพราะคุณอาจมีความเสี่ยงติดเชื้อ “โรคขี้แมว” จนนำอันตรายไปสู่เด็กในครรภ์ได้น่ะซิ! ว่าแต่โรคขี้แมวคืออะไร หากหญิงตั้งครรภ์ได้รับเชื้อจะส่งผลอย่างไร? เรื่องนี้ให้ อ. นพ.จักรพงษ์ บรูมินเหนทร์ สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้อธิบายเพื่อสร้างความเข้าใจกันเลยดีกว่า
โรคขี้แมวคืออะไร? แล้วร่างกายสามารถรับเชื้อได้อย่างไร?
“โรคขี้แมว” หรือ “โรคท็อกโซพลาสโมซิส”คือโรคที่เกิดจากการแมวติดเชื้อโปรโตซัว Toxoplasma gondii ซึ่งเชื้อจะแฝงตัวอยู่ในขี้แมว เป็นโรคที่ไม่มีวัคซีนป้องกัน ประเทศไทยได้ลองสุ่มตรวจหญิงวัยเจริญพันธุ์ พบว่า มีผู้ติดเชื้อ 28% โดยโรคขี้แมวนั้นมนุษย์สามารถรับเชื้อได้ เช่น เราเผลอถูกขี้แมว หรือขี้แมวติดตามขนแล้วไปลูบขนเล่นจากนั้นหยิบจับอาหารเข้าปาก หรือเก็บขี้แมว/ทำความสะอาดกระบะทรายแล้วเราเผลอนำเข้าปากโดยไม่ล้างมือ อีกกรณีคือเรากินเนื้อสัตว์โดยไม่ปรุงสุก เช่น เนื้อหมู เนื้อแกะ แล้วสัตว์เหล่านี้ดันไปกินขี้แมวมาก่อนหน้าก็จะทำให้เชื้อไปติดอยู่ตามกล้ามเนื้อ (หากปรุงสุกไม่มีปัญหา) ทุกๆ คนมีโอกาสรับเชื้อได้หมด ลักษณะอาการที่เป็น ได้แก่ เจ็บคอ เป็นไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตนิดหน่อย แต่สามารถหายเองได้ อย่างไรก็ตาม หญิงตั้งครรภ์ ถือเป็นกลุ่มคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดหากได้รับเชื้อ
หากหญิงตั้งครรภ์ได้รับเชื้อจะส่งผลอย่างไร?
จริงๆ แล้วหญิงตั้งครรภ์ก็มีภูมิคุ้มกันเหมือนหญิงสาวทั่วๆ ไปเพียงแค่มีเด็กอยู่ในครรภ์ ซึ่งปกติแล้วหากหญิงตั้งครรภ์รับเชื้อตัวเองจะไม่เป็นอะไร แต่ที่ได้รับผลกระทบก็เป็นเด็กในครรภ์เนื่องจากเชื่อสามารถส่งไปยังเด็กคนนั้นๆ ได้ พอเด็กติดเชื้อก็อาจส่งผลทำให้เด็กตัวเล็ก หัวโต มีปัญหาเรื่องการมอง การได้ยิน บางคนจนถึงขั้นแท้ง หรือเกิดภาวะตายคลอด แต่ถึงอย่างไรหากตัวเราเคยเป็นโรคขี้แมวมาก่อนและเมื่อช่วงตั้งครรภ์เกิดเป็นซ้ำอีกกรณีนี้ไม่ต้องกังวลเพราะเชื้อจะไม่ส่งไปหาลูกได้
จะทำอย่างไรเมื่อหญิงตั้งครรภ์เลี้ยงแมว?
สำหรับหญิงตั้งครรภ์คนใดเลี้ยงแมวอยู่นั้นสิ่งที่ต้องระวังให้มากในเรื่องของความสะอาด ควรห่างจากแมวไปเลย หรือเปลี่ยนคนไปเก็บขี้แมว/ล้างกระบะทรายแทน แต่หากจำเป็นต้องเก็บ/ล้างกระบะทรายเองจริงๆ ควรใส่ถุงมือให้มิดชิด ที่สำคัญห้ามนำแมวมานอนด้วยกันบนเตียงหรือบนที่นอนเด็ดขาด ทั้งนี้ หากเกิดความกังวลใจจะติดเชื้อนี้จริงๆ ช่วงระหว่างที่ตั้งครรภ์แนะนำให้หาบุคคลมาอุปการะก่อนชั่วคราว
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หวังว่าหญิงตั้งครรภ์ที่เลี้ยงแมวทุกๆ คนจะให้ความสำคัญกับการเลี้ยงแมวมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความสะอาด เพราะหากได้รับเชื้อขี้แมวนี้ขึ้นมาจริงๆ คงไม่เป็นผลดีต่อชีวิตลูกน้อยของเราอย่างแน่นอน
ข้อมูล : Rama Channel