องค์การเภสัชกรรมร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน สร้างนวัตกรรมการผลิตชุด “PPE Innovation Platform นวัตกรรมชุด PPE ฝีมือคนไทย มาตรฐานสากล”

22 สิงหาคม 2563, 13:46น.


          องค์การเภสัชกรรมเปิดตัว “PPE Innovation Platform นวัตกรรมชุด PPE ฝีมือคนไทย มาตรฐานสากล” โดยมีเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมประกาศความสำเร็จในการพัฒนาผ้าที่ผลิตเส้นด้าย PET รีไซเคิลสำหรับตัดชุด PPE ประเภท Reusable Isolated Gown Level 3 เป็นรายแรกในประเทศไทย โดยบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก ร่วมกับ บริษัท ไทยแทฟฟิต้า จำกัด พร้อมรับมอบชุด PPE จำนวน 500 ชุด เพื่อกระจายส่งให้บุคลากรทางการแพทย์







          นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรม ได้แสวงหาความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน เพื่อจัดหาอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ให้มีใช้อย่างเพียงพอ พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการขาดแคลน ที่ผ่านมาได้ประสบความสำเร็จในการจัดทำนวัตกรรม ชุด PPE รุ่นเราสู้ แบบเสื้อคลุมแขนยาวกันน้ำชนิดใช้ซ้ำได้ (Reusable Isolation Gown ) มีมาตรฐานความปลอดภัยใช้งานทางการแพทย์ Level 2 ซึ่งสามารถซัก และใช้ซ้ำได้มากกว่า 20 ครั้ง จนสามารถพัฒนาเป็นนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ชุด PPE และนวัตกรรมทางการบริหารจัดการรูปแบบการดำเนินงาน หรือ Platform ตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน ภายใต้ชื่อ “PPE Innovation Platform นวัตกรรม ชุด PPE ฝีมือคนไทย มาตรฐานสากล” ดำเนินการภายในประเทศ ทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การรีไซเคิลขวดพลาสติกชนิด PET นำมาผลิตเป็นเส้นใยโดยโรงงานที่ได้มาตรฐานระดับโลก นำมาทอเป็นผ้าและตัดเย็บเป็นชุด PPE ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการดูแลรักษาผู้ป่วย และซักใช้ซ้ำได้ 50 ครั้ง ซึ่งปัจจุบันสามารถพัฒนาให้มีคุณสมบัติ

ที่ป้องกันเชื้อถึง Level 3 ส่งให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้







          โดยในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา มีความต้องการใช้ชุด PPE สูงมาก คาดการณ์ว่าอาจต้องใช้ถึง 35,000 ชุดต่อวัน องค์การเภสัชกรรมจึงร่วมมือกับภาครัฐ และภาคเอกชนที่มีศักยภาพ ร่วมกันสร้างนวัตกรรมและผลิตชุด PPE Level 2 รุ่นเราสู้ ขึ้นใช้ได้เองภายในประเทศ จนสำเร็จ ถึงแม้ปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายไปบ้างแล้ว แต่ชุด PPE ยังมีความจำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในสถานการณ์ปกติ และหากมีสถานการณ์วิกฤติหรือมีความจำเป็นขึ้นมา กลไก PPE Innovation Platform จะนำเข้าสู่กระบวนการผลิตชุดPPE ได้อย่างทันท่วงที โดยชุด PPE ที่จะผลิตขึ้นใหม่นี้ จะผลิตตามมาตรฐานการป้องกันเชื้อ ตั้งแต่ Level 3 ขึ้นไป ซึ่งผ่านการทดสอบจากกรมวิทยาศาสตร์บริการ ทั้งมาตรฐานการผลิตฯ ห้องปฏิบัติการที่ใช้ทดสอบชุด ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล มีการทดสอบคุณสมบัติของผ้าและชุดที่ตัดเย็บต้องใช้การตัดเย็บแบบพิเศษ ตะเข็บที่เย็บต้องป้องกันการซึมผ่านของเลือดและไวรัสได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันได้มีการกำหนดมาตรฐานของประเทศไทยเอง โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) โดยได้ยกร่างมาตรฐานการผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือมอก. และชุด PPE ที่ได้ตามมาตรฐานสากล ทำให้สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย





          และด้วยนวัตกรรมการทอที่ทันสมัยทำให้สามารถผลิตผ้าด้วยเส้นด้ายที่ผลิตจากขวด PET รีไซเคิล 100% สำหรับตัดเย็บชุด PPE Level 3 ได้สำเร็จเป็นรายแรกของไทย ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าที่สามารถป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ของไทยให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ชุด PPE จำนวน 1 ชุด ผลิตจากเส้นใยที่นำขวด PET ขนาด 600 มิลลิลิตร ประมาณ 18 ขวด ตัดเย็บเป็น 2 ชั้น เพื่อการป้องกันที่ดีกว่า แต่ยังคงคุณสมบัติสวมใส่สบาย เคลือบสารพิเศษที่มีคุณสมบัติสะท้อนน้ำ และป้องกันการซึมผ่านของน้ำที่มีแรงดัน (Hydrostatic Pressure) สามารถนำไปซักทำความสะอาด และนำกลับมาใช้ซ้ำได้ใหม่มากถึง 50 ครั้ง ผ่านมาตรฐานป้องกันการซึมผ่านของเลือดและไวรัส โรงงานที่ทำการตัดเย็บชุด PPE เป็นโรงงานที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)





          ทั้งนี้ชุด PPE มีความจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ผู้ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยที่สงสัยจะติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือผู้ป่วยโรคอื่น ๆ เช่น การทำหัตถการในห้องปราศจากเชื้อ ห้องผ่าตัด การทำแผล การสอดใส่อุปกรณ์เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย การจับอุปกรณ์เครื่องมือปราศจากเชื้อในการผ่าตัด / หัตถการ ใช้ป้องกันการกระเด็นของเลือดและสารคัดหลั่ง การสอดใส่อุปกรณ์เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย จับอุปกรณ์เครื่องมือปราศจากเชื้อสัมผัส/จับต้อง สิ่งที่คาดว่าอาจมีการปนเปื้อน สิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วย เครื่องมือที่ใช้กับผู้ป่วย ผู้ป่วยที่มีโอกาสติดต่อทางสัมผัส และตามมาตรฐานหลักขององค์กรอนามัยโลก ได้กำหนดให้มีการใส่ชุด PPE เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานของบุคลากร ทางด้านสาธารณสุข ในทุกขั้นตอน



X