กรมอนามัย แนะนำตัดผมที่บ้าน “อย่ารวมตัวอยู่ด้วยกันเกิน 1 ต่อ 1 – สวมหน้ากากอนามัย – ใช้เวลาให้น้อยที่สุด” ป้องกันความเสี่ยง COVID-19

            หลังจากที่รัฐบาลมีคำสั่งปิดร้านตัดผม ในช่วงการระบาดของ COVID-19 เพื่อป้องกันเชื้อแพร่กระจาย ทำให้หลายๆ คนโดยเฉพาะผู้ชายทนไม่ไหวเรียกช่างตัดผมไปตัดให้ที่บ้าน ซึ่งอาจเกิดการรวมตัวตัดผมกันของคนในบ้านรวมถึงตัวช่างเองด้วย ด้วยความห่วงใยจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ออกมาแนะนำหลักการตัดผมที่บ้านป้องกันความเสี่ยง COVID-19 ให้กับผู้ที่ต้องการตัดผมและช่างได้ทำความเข้าใจ ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

            หลักการ “ตัดผมที่บ้าน” ป้องกันความเสี่ยง COVID-19

            การรวมรวมตัวกันตัดผมที่บ้าน ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ COVID-19 ได้ไม่ต่างจากไปตัดที่ร้าน ซึ่งจริงๆ แล้วใครที่สามารถตัดเองได้ควรทำเลย หรือในบางคนที่ไม่แน่ใจแนะนำให้เปิด Youtube ดูคำแนะนำเรื่องการตัดผม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน ดังนั้น หากจะให้ช่างมาตัดผมให้ก็ควรปฏิบัติตามหลักการป้องกันความเสี่ยง คือ

            - ก่อนตัดผมให้พูดคุยกันในระยะห่าง 2 เมตร ให้เกิดแน่ชัดว่าจะตัดทรงไหน อย่างไร

            - อย่าให้จำนวนคนมากกว่า 1 ต่อ 1

            - สระผมและเป่าผมเอง ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังตัดผม

            - รักษาเรื่องของความปลอดภัย ลดการสัมผัสกันให้มากที่สุด ทั้งผู้ถูกตัดและช่างต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่ก่อนและหลังตัด

           - ใช้เวลาให้สั้นที่สุด ผู้ถูกตัดผมควรทำความเข้าใจว่าแค่ตัดเพื่อให้สั้นลงเท่านั้น ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วหากนับเฉพาะการตัดผมให้เราจริงๆ ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 นาที

            - งดการพูดคุยกันระหว่างตัดผม

            - เมื่อช่างกลับไปแล้วควรเปิดประตูหน้าต่าง ช่วยให้รู้สึกสบายปลอดภัยขึ้น

            ทั้งนี้ หากมีการตัดผมคนในบ้านพร้อมกันหลายคนต้อง ก็ควรยึดหลักข้างต้นทั้งหมด แต่เพิ่มการบริหารจัดการโดยคนที่รอคิวตัดรักษาระยะห่างไม่เข้าไปรอในห้องเดียวกัน ซึ่งอาจจะให้ไปรออยู่ห้องอื่นเพราะถ้ามารุมกันจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น และก่อนตัดผมคนถัดไปช่างก็ต้องทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องมือตามมาตรฐาน ส่วนช่างตัดผมเองที่มีการออกไปนอกบ้าน หลักปฏิบัติก็เหมือนกับคนทั่วไป คือ เมื่อกลับบ้านถอดรองเท้า ล้างมือ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยทำกิจกรรมอย่างอื่น

ข้อมูล : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข