การป้องกันความเสี่ยงจากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายนอกจากใช้หน้ากากอนามัยแล้ว “การล้างมือ” ก็เป็นอีกวิธีที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน วิธีการล้างมือก็มีทั้งใช้สบู่ และเจลแอลกอฮอล์ แต่ถึงกระนั้นหลายๆ คนก็อาจจะยังล้างไม่ถูกต้อง ไม่ถูกวิธี โดยเฉพาะล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพราะคิดว่าแค่ถูๆ ไปเฉยๆ พอ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องนัก กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกมาแนะนำวิธีการล้างมือทั้งจากเจลแอลกอฮอล์ และสบู่ที่ถูกวิธีให้กับทุกๆ คนได้นำไปปฏิบัติตาม เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
วิธีการถูมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
สำหรับการใช้เจลแอลกอฮอล์เพื่อทำความสะอาดมือจะเป็นการถูมือจนเนื้อเจลแห้ง ซึ่งช่วยให้มือสะอาด ลดความเสี่ยงในการติดโรค โดยวิธีการถูมีด้วยกัน 7 ขั้นตอน (แต่จะต่างจากการล้างมือด้วยน้ำและสบู่นิดหน่อย) ระยะเวลาที่ใช้จะอยู่ที่ 20-30 วินาที ได้แก่
1. กดหรือบีบเจลแอลกอฮอล์ลงบนอุ้งมือในปริมาณเพียงพอที่จะชโลมให้ทั่วมือทั้งสอง
2. ถูฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน โดยวนเป็นวงกลม
3. ถูหลังมือข้างซ้ายด้วยฝ่ามือข้างขวา และประสานนิ้วเข้าไปถูที่บริเวณซอกนิ้ว ทำสลับกับมืออีกข้าง
4. ถูฝ่ามือและซอกนิ้วด้านในฝ่ามือด้วยนิ้วที่ประสานกัน
5. กำมือข้างหนึ่ง และใช้หลังนิ้วถูฝ่ามืออีกข้างหนึ่ง
6. ถูนิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายโดยใช้ฝ่ามือข้างขวาที่ประสานกัน กำรอบแล้วหมุนวน ทำสลับกับนิ้วหัวแม่มืออีกข้าง
7. ถูฝ่ามือซ้ายด้วยนิ้วมือขวาที่ประสานกัน วนไปข้างหลังและข้างหน้า ทำสลับกับฝ่ามืออีกข้าง
วิธีการล้างมือด้วยสบู่
ในส่วนของวิธีการล้างมือด้วยสบู่กับมือทั้ง 2 ข้าง มีด้วยกันทั้งหมด 7 ขั้นตอนเช่นกัน (แต่ละขั้นตอนให้นับ 1-10) ได้แก่
1. ใช้ฝ่ามือทั้ง 2 ข้างถูกันไปมา
2. ใช้ฝ่ามือถูที่หลังมือและนิ้ว โดยถูออกไปที่ปลายนิ้ว
3. ใช้ฝ่ามือถูกับฝ่ามือและนิ้ว โดยถูไปตามซอกนิ้วด้วย
4. ใช้ฝ่ามือถูหลังมือและนิ้ว (ลักษณะเหมือนกำมือแล้วถู)
5. ใช้ฝ่ามือถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบ หมุนไปมา
6. นำนิ้วทั้ง 5 จีบเข้าหากันแล้วถูปลายนิ้วไปกลางฝ่ามือ (แบบขวาง)
7. สุดท้ายใช้ฝ่ามือถูรอบข้อมือ
แน่นอนว่าเราควรหมั่นล้างมือบ่อยๆ ให้เป็นนิสัย ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพก็ตาม อย่าง ก่อนกินอาหาร หลังใช้ห้องน้ำ ห้องส้วม หลังหยิบจับสิ่งสกปรก หลังจับสัตว์ หลังกลับจากโรงเรียน ที่ทำงาน หรือออกไปนอกบ้าน รวมถึงล้างก่อน – หลังสัมผัสผู้ป่วยด้วย เชื่อว่าจะช่วยป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ดีเลยทีเดียว
ข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข