ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงนี้นอกบ้านโดยเฉพาะพื้นที่แออัด ผู้คนพลุกพล่านค่อนข้างมีความเสี่ยงทำให้ร่างกายเจ็บป่วยทั้งจากฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสโคโรนา โดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่มีโอกาสได้รับความเสี่ยงเหล่านี้ที่สุดด้วยภูมิคุ้มของร่างกายยังมีไม่มากพอ เจ็บป่วยง่าย กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จึงได้ออกมาแนะนำผู้ปกครองถึงการดูแลลูกหลาน โดยให้หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด ผู้คนพลุกพล่าน แต่หากมีความจำเป็นต้องไปพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจริงๆ ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยแก่ลูกหลานทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจทำร้ายสุขภาพ
หลีกเลี่ยงพาเด็กไปพื้นที่แออัด มีผู้คนพลุกพล่าน
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัญหามลพิษทางอากาศในปัจจุบัน อย่าง ฝุ่น PM 2.5 ที่เกินค่ามาตรฐาน ทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราโดยเฉพาะเด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว เพราะขนาดของฝุ่นละอองมีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ที่หากได้รับในปริมาณเกินมาตรฐานสะสมเป็นเวลานานจะส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก
ด้านนายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ปกครองควรใส่หน้ากากอนามัยให้กับลูกหลานทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน แต่หากระหว่างนี้มีความจำเป็นต้องไปพื้นที่แออัด มีผู้คนพลุกพล่าน และปริมาณฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยให้ลูกหลาน โดยเลือกชนิดที่สามารถป้องกันทั้งฝุ่น PM2.5 และเชื้อโรคต่างๆ ได้จะดีที่สุด
มาสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันโรคดีกว่า
ขั้นตอนการสวมใส่หน้ากากอนามัยให้แก่ลูกหลานนั้น ไม่ยากเลย โดยให้ทำตามขั้นตอน ดังนี้
1. ล้างมือให้สะอาด ก่อนหยิบหน้ากากอนามัย
2. จับบริเวณสายคล้องหูของหน้ากากอนามัยทั้งสองข้างแล้วสวมหน้ากากอนามัยให้คลุมทั้งจมูกและปากของเด็ก โดยให้ขอบที่มีลวดอยู่ด้านบนสันจมูกแล้วดึงลงมาให้อยู่บริเวณใต้คาง รอยจีบพับคว่ำลง
3. กดหน้ากากอนามัยให้ราบไปกับสันจมูกของเด็ก
สำหรับหน้ากากอนามัยที่ทำด้วยกระดาษควรเปลี่ยนทุกวัน และทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกหลานเราหากต้องไปในพื้นที่แอดอัด มีผู้คนพลุกพล่าน อย่าลืม!! สวมใส่หน้ากากอนามัยให้กับลูกหลานก่อนออกจากบ้านทุกครั้งกันล่ะ
ข้อมูล : กรมการแพทย์