"ผู้ป่วยอ้วนลงพุงจะไม่แสดงอาการ นอกจากมีพุงขนาดใหญ่จนเห็นได้ชัด ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ"

     คนส่วนใหญ่มักจะไม่สนใจพุงตัวเอง ไม่ใช่เพียงแต่ผู้ที่ป่วยโรคอ้วนเท่านั้น ผู้ที่มีรูปร่างผอมสูง แต่มีพุงยื่นออกมา ก็สามารถอ้วนลงพุงได้  คุณรู้หรือไม่ว่าเมื่ออ้วนลงพุงแล้วเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ลองก้มลงมองดูพุงตัวเองสักนิดว่าตอนนี้คุณ อ้วนลงพุง หรือไม่ ซึ่งสาเหตุเกิดจากความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ส่งผลให้ผู้ป่วยมีไขมันสะสมที่หน้าท้องและมีรอบเอวขนาดใหญ่ ทั้งยังมีระดับความดันโลหิต ไขมัน และน้ำตาลในเลือดสูง มักเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคเบาหวาน และโรคหัวใจได้มากขึ้น



     ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยอ้วนลงพุงจะไม่แสดงอาการ นอกจากมีพุงขนาดใหญ่จนเห็นได้ชัด แต่จากการสะสมของไขมันในช่องท้องจำนวนมากจะส่งผลให้การเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายผิดปกติ จนน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน อีกทั้งยังทำให้ระดับไขมันในเลือดและความดันโลหิตสูงขึ้นด้วย เมื่อเกิดภาวะนี้เป็นระยะเวลานาน ผนังหลอดเลือดแดงจะหนาขึ้นจนอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้น้อยลง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้



     ภาวะอ้วนลงพุงนั้นอาจเกิดจากการมีน้ำหนักตัวเกิน การเคลื่อนไหวร่างกายน้อย ขาดการออกกำลังกาย และการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 นอกจากนี้ บุคคลบางกลุ่มอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอ้วนลงพุงได้ เช่น ผู้สูงอายุ ชาวเอเชีย หรือผู้ที่มีเชื้อสายแอฟริกาแคริบเบียน ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวมีภาวะอ้วนลงพุงหรือเป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับ ผู้ที่มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ และผู้ที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์



     ภาวะแทรกซ้อนของอ้วนลงพุง หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือควบคุมน้ำหนัก ผู้ป่วยอ้วนลงพุงยังเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน โรคไต หรือโรคไขมันพอกตับ

     อ้วนลงพุงสามารถป้องกันได้ด้วยการควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เพื่อควบคุมน้ำหนักและลดการสะสมของไขมันที่หน้าท้อง ทั้งยังช่วยลดความดันโลหิต ลดระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมด้วย

     ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 150-300 นาที ทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกเพื่อผ่อนคลายความเครียด และเลิกสูบบุหรี่

Cr.ข้อมูลและภาพจาก : pobpad , signsofhealth , khaoweb , ThaiGoodView