ความสุขและทุกข์ ของแต่ละคนนั้นต่างกัน เกิดจากการเรียนรู้ ประสบการณ์ แต่ในขณะที่มีทัศนคติแบบสุดโต่ง คือการคิดบวกหรือลบ ที่มากเกินไป ทำให้เกิดความทุกข์ได้ง่าย วิธีจัดการกับความทุกข์ ทีใครก็ทำได้ง่ายๆ คือการมีพื้นที่ หรือมีงานอดิเรก ที่สามารถปลีกตัวไปหาความสงบ หรือความสุขตามที่ต้องการได้ และการมีผู้รับฟังในยามที่เราเป็นทุกข์
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่าเงื่อนไขที่ทำให้คนเรามีความสุข คือ 1) ความสุขจากภายนอก คือการได้รับความพึงพอใจโดยเฉพาะจากประสาทสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง เช่น การได้กินอาหารอร่อย ๆ การได้ฟังเพลงเพราะๆ ถึงจะเป็นความสุขเพียงชั่วคราวก็สามารถประคับประคอง ให้ลืมความทุกข์และสร้างลักษณะนิสัย เห็นความดีงาม จากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน 2) ความสุขจากความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเช่น การมีเพื่อน มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ย่อมมีโอกาสทั้งการมีความสุข และผ่อนคลายความทุกข์ 3) ความสุขภายในตนเอง ซึ่งเกี่ยวพันกับทัศนคติส่วนตัว หากเน้นการมีคุณธรรม การทำประโยชน์ต่อสังคม และดำเนินชีวิตในทางสายกลาง ย่อมมีโอกาสเกิดทุกข์ได้น้อยกว่าการดำเนินชีวิต มีทัศนคติแบบสุดโต่ง
ทั้งนี้คนที่ทุกข์ง่าย ควรต้องระวังความคิดตนเอง มองตนเองและสิ่งรอบข้างอย่างเป็นกลาง ไม่โน้มเอียงไปทางลบ ส่วนคนที่หาความสุขยาก ต้องรู้จักเสพสุขมองโลกด้านสวยงาม มีความสุขกับสิ่งเล็กน้อยให้เป็นนิสัย นอกจากนี้ยังพบว่า ความคิดที่ทำให้คนเป็น ทุกข์ คือความกังวล ความคิดแบบเข้าข้างตนเอง หรือ เข้าข้างคนอื่นสุด ๆ ความคิดลบ หรือ บวก สุด ๆ กล่าวได้ว่า “ความคิดแบบสุดโต่ง” ไม่ว่าด้านบวกหรือลบ คือ ต้นเหตุ ของความทุกข์ ซึ่งทางแก้คือ ต้องรู้ทันความคิด ความรู้สึก ของตนเองอยู่เสมอ
Cr. ภาพจาก : winnews.tv , th.pngtree ข้อมูลจาก : กรมสุขภาพจิต