สทนช.ชง 4 มาตรการด่วนสกัดหน้าแล้ง หลังปรากฎการณ์เอลนีโญมีผลต่อเนื่องถึงเดือนเมษายน 62 ปริมาณฝนในไทยจะต่ำกว่าค่าปกติ

12 มีนาคม 2562, 14:34น.


        นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช.ได้รายงานสถานการณ์น้ำปัจจุบัน การวางแผนการบริหารจัดการน้ำ พร้อมทั้งมาตรการการแก้ไขปัญหาความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 61/62 ต่อที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) รับทราบ ถึงข้อมูลการคาดการณ์ปริมาณน้ำต้นทุนช่วงฤดูฝน ปี 62 ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา และ สสนก. ได้คาดการณ์ว่าปรากฎการณ์เอลนีโญอ่อนจะยังคงมีผลต่อเนื่องถึงเดือนเมษายน 62 ซึ่งจะทําให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าปกติ ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ปริมาณฝนรวมของประเทศไทยเดือนมีนาคม 62 มีค่าต่ำกว่าค่าปกติร้อยละ 5 ภาคเหนือจะมีปริมาณฝนประมาณ 10-35 มิลลิเมตร ต่ำกว่าค่าปกติ 20 % สําหรับภาคอื่นๆ ปริมาณฝนจะต่ำกว่าค่าปกติ 10% ส่วนเดือนเมษายน 62 ปริมาณฝนทุกภาคส่วนใหญ่จะต่ำกว่าค่าปกติ 10% สําหรับเดือนพฤษภาคม ปริมาณฝนตกทั้งประเทศจะมีค่าใกล้เคียงปกติ และคาดการณ์ว่าจะเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤษภาคม




        นอกจากนี้  สทนช.ยังได้เสนอที่ประชุมเกี่ยวกับมาตรการหลัก เจ้าภาพหลัก และวิธีดำเนินการบรรเทาและลดผลกระทบพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งเร่งด่วนใน 4 มาตรการหลัก คือ

       1. แจ้งเตือนเกษตรกรงดการปลูกพืชฤดูแล้งและพืชต่อเนื่อง โดยมี กระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดเป็นเจ้าภาพหลัก พื้นที่เป้าหมาย 21 จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเน้นสร้างการรับรู้สถานการณ์น้ำและการเพาะปลูกพืชเข้าถึงเกษตรกรโดยตรง ผ่านองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)

       2. ติดตามเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัด และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเจ้าภาพหลัก พื้นที่เป้าหมาย 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ นครสวรรค์ ชัยภูมิ นครราชสีมา เลย กาญจนบุรี และราชบุรี โดยมีมาตรการจัดเตรียมรถบรรทุกน้ำ เครื่องสูบน้ำ จากหน่วยงานสนับสนุน ผ่านกลไกของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (กอปภ.จ) ให้สามารถเข้าดำเนินการช่วยเหลือได้ทันที ซึ่ง สทนช. ได้ชี้เป้าแหล่งน้ำผิวดินและใต้ดิน ในรัศมี 50 กม. พร้อมจัดส่งข้อมูลให้ 4 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงกลาโหม รับทราบ เพื่อเตรียมแผนสำรองกรณีต้องดึงน้ำจากแหล่งน้ำอื่นใกล้เคียงมาสนับสนุนและบรรเทาปัญหาในฟื้นที่ประสบภัยได้ทันสถานการณ์

       3. ทบทวนแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูแล้ง ปี 2561/62 ให้สอดคล้องกับปรากฏการณ์เอลนีโญกำลังอ่อน  โดยมอบมหายให้กรมชลประทาน และกรมทรัพยากรน้ำเป็นเจ้าภาพหลัก ในพื้นที่เป้าหมาย คือ พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคทั้งในและนอกเขตการประปาภูมิภาค (กปภ.) และพื้นที่เสี่ยงการเกษตรที่เพาะปลูกเกินแผน เพื่อดำเนินการเร่งตรวจสอบความต้องการใช้น้ำแล้ววิเคราะห์สมดุลน้ำเป็นรายพื้นที่

       4 กรณีที่มีการปรับแผนการจัดสรรน้ำ โดยเฉพาะในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลักได้แก่ กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่รับผิดชอบอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 อ่าง นั้น จะต้องพิจารณาอ่างเก็บน้ำที่มีความจุของน้ำใช้การจากน้อยไปมาก เพื่อสร้างความสมดุลของปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ให้เพียงพอต่อการจัดสรรน้ำตามลำดับความสำคัญ รวมถึงมีน้ำสำรองในต้นฤดูฝนด้วย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในปีต่อๆไป














 


 
X