ปัญหาการจราจรติดขัดซ้ำซากใจกลางกรุงเทพมหานคร หนึ่งในนั้นต้องมีถนนรัชดาภิเษก หน้าห้างฯเอสพลานาด ติดอันดับอย่างแน่นอน! ช่วงเย็นค่ำทีไรรับประกันได้เลยโดยเฉพาะถ้าเป็นศุกร์เสาร์อาทิตย์ รถยนต์กว่า 1,000 คัน ต้องมาจอดอยู่เฉยๆบนเส้นทางนี้ !! กว่าจะค่อยๆคลานมาถึงตรงนี้ก็หัวร้อนกันสุดๆ เมื่อเจอสาเหตุรถติด ยิ่งแทบจะระเบิดออกมา จาก 4 ช่องทางผ่านได้แค่ช่องทางเดียว เพราะมีบรรดารถแท็กซี่ รถสามล้อจอดรับส่งคนกันเต็มถนน ไม่สนใจเลยว่า "วงแหวนรอบในกรุงเทพฯ" จะเหลือแค่ 1 ช่องทางขวาให้ผ่านเท่านั้น ?? แว๊บแรกที่หลายคนผุดขึ้นมาในหัว คือ "ตำรวจไปไหน? ทำไมไม่มาจัดการ??"
ปัญหานี้อาจใหญ่เกินกว่าตำรวจท้องที่จะรับมือไหวหรือไม่..!? JS100 มีโอกาสได้สอบถาม พ.ต.ต. ดาราธร ขจรศิลป์ สว.จร.สน.ห้วยขวาง สรุปเป็นประเด็นได้ดังนี้
ปัญหา คืออะไร?
อาจจะเรียกติดปากกันว่า "รถติดหน้าเอสพลานาด" แต่จริงๆแล้วห้างฯปิดตั้งแต่ 4 ทุ่ม สาเหตุที่คนเยอะคือมาเดินตลาดรถไฟที่อยู่ด้านหลังห้างฯ มีทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีนนิยมมากันมาก รถสาธารณะทั้งแท็กซี่และสามล้อตุ๊กๆ เข้ามารับส่งบริเวณนี้กันเนืองแน่น แทบไม่สามารถควบคุมได้ทั้งรถ และความต้องการขึ้นลงรถของคน
ปัจจุบันจัดการอย่างไร ?
บริเวณริมถนนรัชดาภิเษกหน้าห้างฯที่มีขีดขาวแดง ห้ามจอดรถโดยเด็ดขาด ส่วนบนทางเท้าก็มีแผงเหล็กกั้นป้องกันไม่ให้คนขึ้นลงรถ แต่ในทางปฏิบัติจริงแทบไม่มีใครฟัง รถก็จอดก่อนถึงขาวแดง แล้วติดต่อแถวกันยาว ทำให้เกิดการจอดซ้อนในช่องทางที่ 2 และ 3 โดยปริยาย ส่วนนักท่องเที่ยวก็ฝ่าฝืนลงไปเรียกรถกันกลางถนน
เคยประสานงานไปทางกรมการขนส่งทางบก และสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ให้ร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าว ก็ไม่มีความคืบหน้าใด ติดขัดทุกขั้นตอน เสนอตัดเกาะกลางหรือกั้นช่องทางถาวรก็ทำไม่ได้ ติดขัดเรื่องการย้ายระบบสายต่างๆใต้ดิน แม้กระทั่งการขอสนับสนุนแผงเหล็กหรือกรวย ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีงบประมาณ สรุปแล้วตำรวจสน.ห้วยขวาง ต้องหาวิธีการจัดการเอาเอง
ปัจจุบันต้องขอให้ตลาดและห้างฯสนับสนุนกรวยยางและแผงกั้นเหล็ก และออกแบบการกั้นช่องทางชั่วคราวกันเอาเอง โดยประมาณ 2-3 ทุ่ม จะนำตัวอย่าง ไปวางกลางถนนเพื่อกั้นช่องทางที่ 2 ไม่ให้รถจอดหรือพยายามแทรกเข้ามา ส่วนรถที่จอดจุดที่ยังไม่ถึงขาวแดง ก็อนุโลมให้ไม่เกิน 20 วินาทีเท่านั้น ทุกคันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธผู้โดยสารหากพบเห็นจะเข้าดำเนินการทันที
ประชาชนมักถามว่า ตำรวจหายไปไหนหมด ?
ปกติในแต่ละคืน ตำรวจจราจร สน.ห้วยขวาง มีอยู่เพียง 5 นาย รับผิดชอบจุดที่เกิดปัญหาหนักๆ 3 จุด ได้แก่ 1.ถนนรัชดาภิเษก หน้าห้างฯเอสพลานาด 2.หลังตลาดรถไฟ ถนนชานเมืองซึ่งมักมีรถจักรยานยนต์ของผู้ที่มาตลาดจอดกีดขวางหน้าบ้านชาวบ้านกันเป็นจำนวนมาก และ 3.ถนนวัฒนธรรม บริเวณแยกเทียมร่วมมิตร มีรถทัวร์พานักท่องเที่ยวมาทานอาหารกันในแต่ละคืนเป็นจำนวนมาก
ทั้งหมดนี้ มีตำรวจเพียง 5 นายคอยวิ่งดูแล ยังไม่นับวันหยุด ลาป่วย หรือหากมีอุบัติเหตุรุนแรงก็ต้องวิ่งไปดูอีก จึงต้องประสานงานไปยังกองบังคับการตำรวจจราจร ก็ได้ตำรวจจราจรกลางเข้ามาช่วยเสริมกำลังกันบ้าง อย่างช่วงนี้ก็ได้มาเพิ่ม 6 นาย แบบนี้ดีหน่อย จะสังเกตได้ว่าแม้รถยังติดอยู่ แต่ท้ายแถวสั้นลง ,ถ้าเมื่อไหร่ตำรวจจราจรกลาง ต้องไปปฏิบัติภารกิจอื่น ก็กลับเข้าสู่ปัญหาเดิม คือกำลังพลไม่เพียงพอต่อการจัดการ
ห้างฯเอสพลานาด ก็หวังดีส่งเจ้าหน้าที่ รปภ. มาช่วยอำนวยการจราจรหลังปิดห้างฯ 4 ทุ่ม ก็ถือว่าช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ในทางปฏิบัติเมื่อผู้ใช้รถทั้งส่วนบุคคลและสาธารณะเห็นว่าไม่ใช่ตำรวจ ก็ไม่ค่อยเชื่อฟังเท่าไรนัก ใช้กฎหมู่ฝ่าฝืนกฎหมาย พอตำรวจจะเดินไปจับ ก็ขับรถออกไป
เจ้าของตลาดหรือห้างฯ ควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบหรือไม่?
ที่ผ่านมาทั้ง 2 ส่วนก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจมาโดยตลอด หากถามว่าจะปรับลดเข้าไปด้านในได้หรือไม่ก็คงจะเป็นไปได้ยาก ต้องเข้าใจว่ารถที่มานั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่รถส่วนบุคคลที่จะให้เข้าไปด้านในได้ทั้งหมด แต่เป็นรถสาธารณะ รถแท็กซี่ สามล้อตุ๊กๆ รถทัวร์บริษัท ฯลฯ ที่มาส่งคนขึ้นลงบริเวณนี้
ใช้กล้องจับปรับได้ไหม?
ก็อาจจะช่วยได้ส่วนหนึ่งเรื่องการจับปรับ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าอาจไม่ได้แก้เรื่องปัญหารถติด เพราะปริมาณรถที่เข้ามาบริเวณนี้มีจำนวนมากจริงๆ ส่วนที่เป็นปัญหาจราจรก็ฉวยโอกาสช่วงสั้นๆ หาช่องว่างเล็กๆน้อยๆ ซึ่งก็ทำให้ภาพรวมสะดุดหรือไปไม่ได้ ส่งผลให้สภาพการจราจรติดขัดอย่างปัจจุบัน
สรุปแล้วทำอะไรไม่ได้ ??
ในฐานะผู้ที่อยู่ดูแลพื้นที่ คิดว่าเป็นปัญหาที่ต้องมองภาพกว้าง ผู้คนกระจุกตัวอยู่บริเวณนี้มากจริงๆ กายภาพของถนนก็รองรับไม่ไหว ปัญหานี้อาจจะใหญ่เกินกว่า สน.ห้วยขวาง จะรับผิดชอบไหว ทั้งหมดสอดคล้องกับเรื่องการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจด้วย คงต้องให้สังคมช่วยกระตุ้นให้หน่วยงานหันมามองปัญหานี้บ้าง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรหันมามองปัญหานี้อย่างจริงจัง รวมถึงตัวเราเองหากเป็นหนึ่งในคนที่สร้างสาเหตุรถติดบริเวณนี้ ก็ควรต้องพิจารณาตนเอง หากปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางกันได้ ก็อาจไม่ต้องรอใครเข้ามาบังคับ
.jpg)
cr.@Khun_Xman , @Pi_Pew , @nooCotton
โตโยต้า มุ่งมั่นสานต่อเจตนารมณ์ในการจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง ปีที่ 18 พร้อมผนึกกำลังทุกภาคส่วน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างยั่งยืน
ความก้าวหน้างานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม. ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568
อธิบดีเดชา ลุยดันโลจิสติกส์! ตั้งเป้าปี 69 ฝึกแรงงาน 13,200 คน เสริมศักยภาพแข่งขันเศรษฐกิจไทย
