นายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร รองประธานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) กล่าวในการประชุมระดับโลกว่าด้วยการป้องกันการบาดเจ็บและการส่งเสริมความปลอดภัย ครั้งที่ 13 (Safety 2018 – The 13th World Conference on Injury Prevention and Safety Promotion) จัดโดย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาและความท้าทาย ในการลดและป้องกันการเสียชีวิตที่เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก ได้แก่
1. อุบัติเหตุทางถนน ที่แม้ว่าทุกหน่วยงานจะร่วมวางมาตรการต่างๆ แต่ยังไม่สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงได้อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยขณะนี้ยังคงมีอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 32 คน ต่อประชากร 100,000 คน
2. การพลัดตกหกล้ม จากสถิติพบว่า ในปี 2560 สายด่วน 1669 ได้รับแจ้งเหตุผู้สูงอายุพลัดตกหกล้มในบ้าน ประมาณ 100,000 ครั้ง นำไปสู่การเสียชีวิตมากถึง 6,000 คน ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มของการตายจากการบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ รองจากอุบัติเหตุทางถนน
ขณะที่ภาพรวมทั่วโลก พบว่ามีเหตุพลัดตกหกล้มไม่ต่ำกว่า 600,000 กรณี และเป็นสาเหตุการตายสูงเป็นอันดับ 3 ตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่ง ในการวางมาตรการต่างๆ เพื่อลดและป้องกันความสูญเสีย ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรไปสู่สังคมสูงอายุ หากไม่เร่งดำเนินการจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตประชาชน เพราะนอกจากการเสียชีวิตแล้วยังเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญ ของความพิการ อัมพฤกษ์อัมพาต และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงในที่สุด กระทบต่อภาระงานด้านสาธารณสุขและก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวในระยะยาว
“การพลัดตกหกล้ม ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในบ้าน ดังนั้นการรณรงค์ให้ตระหนักถึงความสำคัญในการปรับปรุงที่พักอาศัยให้ปลอดภัย หรือ โฮม เซฟตี้ โดยเฉพาะในจุดที่มีพื้นต่างระดับ เช่น บันได ต้องมีราวจับที่มั่นคง ระยะความกว้างและความชันต้องเหมาะสม ห้องน้ำพื้นควรเรียบเสมอกันไม่ลื่น ใช้ชักโครก และหากมีราวจับ จะยิ่งเพิ่มความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น เป็นต้น ขณะเดียวกันต้องควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการทรงตัว” นายแพทย์อนุชา กล่าว