จราจร
ของหายได้คืน
POST & SHARE
จราจร
ของหาย
ได้คืน
POST &
SHARE
22959
Tweet
https://www.js100.com/en/site/post_share/view/62111
COPY
ขับรถลุยน้ำท่วม "ต้องปิดแอร์" เพราะอะไร?
22959
Tweet
https://www.js100.com/en/site/post_share/view/62111
COPY
24 กันยายน 2561, 12:43น.
Flash News
เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ปัญหาสำคัญคือ
"น้ำท่วมรอการระบาย"
ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจกับรถยนต์สุดรักของเรา บทความนี้จะแบ่งปันข้อควรรู้หรือควรปฏิบัติขณะขับรถลุยจุดที่มีน้ำท่วมกันนะครับ
1.
ขับช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่าขับเร็วโดยเด็ดขาด เพราะน้ำจะทำให้รถเสียการทรงตัว โดยเฉพาะการขับผ่านน้ำท่วมด้านใดด้านหนึ่งไม่ครบ 4 ล้อ อาจจะทำให้รถหมุนได้ และที่สำคัญ
เบรคจะลื่นขึ้นกว่าปกติ
เล็กน้อย ควบคุมรถได้ยากขึ้น
2.
ประเมินระดับน้ำ
โดยทั่วไปหากระดับน้ำสูง 30 ซม.ขึ้นไป หรือประมาณครึ่งล้อรถ ถือว่ามีความเสี่ยงสูง ทั้งเครื่องยนต์ขัดข้อง หรือน้ำเข้ารถ ซึ่งหากรถคุณโหลดเตี้ยกว่าปกติยิ่งต้องระวังมากขึ้นอีก ส่วนรถ SUV ปัจจุบันก็อย่าประมาท เพราะบางรุ่นออกแบบมากึ่งสปอต อาจไม่ได้สูงมากนัก
3.
ปิดแอร์ แล้วเปิดกระจกเล็กน้อย
ข้อนี้ได้ยินบ่อยที่สุด เพราะการเปิดแอร์จะทำให้ใบพัดของพัดลมแอร์ทำงาน
เปรียบเทียบเหมือนเราเปิดพัดลมในน้ำ
อาจทำให้น้ำกระจายไปจุดต่างๆภายในห้องเครื่อง และที่สำคัญ
สิ่งสกปรกที่มากับน้ำอาจทำให้ใบพัดหักได้
4.
ใช้เกียร์ต่ำ ไม่ต้องเร่งเครื่อง
หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา ให้ใช้เกียร์ 1 - 2 ส่วนรถเกียร์อัตโนมัติให้ใช้เกียร์ L และรักษารอบเครื่องยนต์ให้อยู่ 1,500 - 2,000 รอบ เพื่อ
ให้เครื่องยนต์ขับไอเสียออกมาต่อเนื่อง
5.
ห้ามเร่งเครื่องยนต์
เพียงประคองรถให้ผ่านจุดที่น้ำท่วมสูงด้วยความเร็วต่ำสม่ำเสมอ อย่าเร่งเครื่องให้รอบสูงโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเกิดคลื่นที่กระจังด้านหน้า
อุณหภูมิเครื่องยนต์จะสูงขึ้น ทำให้พัดลมระบายความร้อนทำงาน
เป็นผลเสียตามข้อ 3
6.
อย่าเข้าใจผิดเรื่องน้ำเข้าทางท่อไอเสีย
เพราะท่อไอเสียจะขับไอเสียออกมา
ไม่ได้มีการดูดน้ำกลับเข้าไป ถึงแม้น้ำจะท่วมมิดท่อไอเสียก็ยังขับต่อไปได้
เหมือนสกู๊ตเตอร์ที่ท่ออยู่ในน้ำ แต่โอกาสที่น้ำจะเข้าทางท่อไอเสียก็ยังมีปัจจัยอื่นประกอบอีก เช่น ตอนเครื่องดับ ดังนั้นไม่เสี่ยงดีที่สุด ซึ่งรถสายลุย 4WD จึงตัดปัญหาด้วยการยกท่อไอเสียสูงเลย
7.
อย่าพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ดับขณะลุยน้ำ
ซึ่งนั่นหมายถึงคุณโชคร้ายแล้วที่น้ำเข้าเครื่องยนต์ หากลองสตาร์ท 1-2 ครั้งแล้วไม่ติด
อย่าพยายามฝืนสตาร์ทไปเรื่อยๆ เพราะน้ำจะยิ่งเข้าระบบภายในเครื่องยนต์ จะยิ่งเสียหายไปกันใหญ่
สาเหตุที่เครื่องดับเกิดได้หลายปัจจัย เช่น หัวเทียนเปียกน้ำ และน้ำเข้ากรองอากาศดูดเข้าเครื่องยนต์ ซึ่ง
รถยุโรปมักวางกรองอากาศไว้ต่ำใกล้ซุ้มล้อ มีโอกาสเสี่ยงมากกว่ารถญี่ปุ่น
หากมีน้ำเข้าเครื่องยนต์ อาจทำให้ก้านสูบคด เสียเงินยกเครื่องหลักแสนได้
8.
หลังลุยน้ำท่วมให้จอดสตาร์ททิ้งไว้สักพัก
เพื่อให้ไอเสียไล่น้ำที่อาจมีตกค้างอยู่บ้าง แล้วค่อยดับเครื่องยนต์ ระหว่างนี้เดินสำรวจรอบรถว่ามีหลอดไฟดวงใดดับหรือไม่ แผ่นป้ายทะเบียนหลุดหรือไม่ และที่สำคัญสำรวจใต้พรมภายในรถ หากมีน้ำซึมเข้ามา ควรผึ่งรถให้แห้ง หรือนำเข้าศูนย์บริการในวันรุ่งขึ้นเพื่อให้พรมไม่อับ ส่วนรถบางคันที่กล่อง ECU อยู่ต่ำต้องระวังกล่องได้รับความเสียหายจากความชื้นด้วย
จำไว้อย่างนึงครับ บางครั้งคุณอาจตัดสินใจลุยน้ำเพื่อรีบกลับ แม้รถอาจจะไม่ดับในขณะนั้น แต่อาจมีผลเสียอื่นๆตามมา โดยเฉพาะน้ำเข้ารถ ซึ่งอาจต้องแก้ไขอีกเป็นสัปดาห์ครับ :)
By DJ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
(ภาพประกอบจากทวิตเตอร์ @js100radio)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รฟม.แจ้งปิดเบี่ยงจราจรฝั่งขาเข้าและขาออกบริเวณซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 37-ซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 41เพื่องานก่อสร้างสายส่งอากาศ 69 KV และปักเสาพาดสายไฟฟ้า 24 KV โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ 19 – 30 พ.ค.68 เฉพาะเวลา 22.00–00.00 น.
วันนี้, 11:30น.
...
สุรพงษ์ฯ ลงพื้นที่เช็กความพร้อมรถไฟฟ้ามหานครสายสีชมพูส่วนต่อขยายฯ ก่อนเปิดให้ประชาชนร่วมทดสอบเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ในวันที่ 20 พ.ค. นี้
16 พฤษภาคม 2568, 18:09น.
...
กปภ. สนับสนุนหน่วยงานท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
16 พฤษภาคม 2568, 15:51น.
...
ข่าวทั้งหมด
X