ก่อนกลับบ้าน อย่าลืมแวะเที่ยวงาน ‘เทศกาลท่องเที่ยวเมืองรอง’ 22-26 ส.ค. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

23 สิงหาคม 2561, 09:25น.


        ททท.จัดใหญ่ 'เทศกาลท่องเที่ยวเมืองรอง' นำของดีของขึ้นชื่อจาก 55 เมืองรอง มารวบรวมไว้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 22 - 26 สิงหาคม 2561 ภายใต้แนวคิด 'กล้าให้ลอง มหัศจรรย์ 55 เมืองรอง ลองไปแล้วจะรู้' โดยวันนี้ผมจะพาทุกคนเดินสำรวจให้ทั่วงาน และจะมีอะไรดี ๆ ติดไม้ติดมือมาฝากบ้างอันนี้ต้องตามดู



        ก่อนเข้างานเทศกาลท่องเที่ยวเมืองรอง จะมีจุดประชาสัมพันธุ์ 2 จุด ที่น่าสนใจ น่าแวะเข้าไปดูสักหน่อย นั่นคือจุดแนะนำสถานที่เที่ยวและของดีจาก 55 เมืองรอง เป็นหน้าจอสัมผัสสีสันสดใส ให้ผู้เข้าชมงานค้นหาลายละเอียดจังหวัดที่สนใจ แถมมีบาร์โค้ดให้รับชมในสมาร์ทโฟนได้ด้วย อีกจุดเป็นแอปพลิเคชันแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ โดยผู้ใช้งานจะต้องกรอกชื่อ อายุ และไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวลงไป แอปพลิเคชันก็จะประมวลผลแนะนำสถานที่ พร้อมบูธต่าง ๆ ที่แบ่งเป็น 5 ภูมิภาค ตามความสนใจ เราเข้าไปต่อข้างในกันดีกว่า







        ภาคเหนือ : เมื่อเดินเข้ามาในงาน สิ่งแรกที่สะดุดตาจัง ๆ นอกจากป้ายเทศกาลที่ตกแต่งให้ผู้เข้าชมมาแชะภาพอวดโซเชียล ก็ได้แก่ต้นสลากย้อมจำลอง ความสูง 4 เมตร สีสันสวยงาม เอกลักษณ์ที่หาดูได้เฉพาะจังหวัดลำพูน แต่ถูกยกมาให้ชมถึงใจกลางงานที่กรุงเทพ ความพิเศษของต้นสลากย้อมถือเป็นของสูงใช้ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยผู้ถวายในพิธีจะต้องเป็นหญิงเท่านั้น มีอานิสงส์เทียบเท่ากับการบวชของผู้ชาย และทำได้เพียงครั้งเดียว











        ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : แลนด์มาร์คสำคัญของภาคนี้ คือ พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราชจำลอง จากแก่งกะเบา ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร แสดงให้เห็นความเชื่อ ความศรัทธา อันเป็นรากฐานของชาวอีสาน โดยเชื่อกันว่าหากใครสักการะและได้ลอดท้องพญานาคก็จะมีความสุข สมคำอธิษฐาน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงผ้าทอพื้นบ้าน และโคมไฟพาแลง อันเป็นของสำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในพิธี ‘บายศรีสู่ขวัญ – ซุมข้าวพาแลง’ จ.หนองคาย











        ภาคกลาง : แลนด์มาร์คของภาคนี้ คือ โดมรูปเครื่องจักสานขนาดยักษ์ และแปลงนาไซส์มินิที่จำลองนาข้าวของเกษตรกรรุ่นใหม่ผู้พัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าว เก็บรวมรวมองค์ความรู้ เครื่องมือเครื่องใช้ของคนในท้องถิ่น จนกลายเป็นศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย หรือ ‘นาเฮียใช้’ จ.สุพรรณบุรี นอกจากนี้ยังมีผลิตแปรรูป เช่น น้ำหมักมะเฟือง สมุนไพร กล้วยแผ่นอบม้วน (หวานไม่ง้อน้ำตาล) และแคนตาลูปสด ๆ จากอินทร์โตฟาร์ม เมืองอ่างทอง











        ภาคตะวันออก : แลนด์มาร์คของภาคนี้ คือ คาเฟ่บ้านนาที่จำลองมาจาก ‘มองเทรอส์ คาเฟ่ แอนด์ ฟาร์ม’ จ.นครนายก ซึ่งที่นี่มีการจัดแบ่งโซนไว้หลายกิจกรรมทั้งโซนเครื่องดื่ม โซนท้องทุ่งที่มีกระต๊อบ ทางเดินไม้ไผ่ รวมถึงฟาร์มเลี้ยงไก่ขนาดเล็ก และพื้นที่นั่งเล่นริมน้ำ โดยทุกกิจกรรมจะไม่มีค่าใช้จ่าย มีแต่ตู้ให้สมทบทุนตามความพอใจ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงงานหัตถกรรมพื้นบ้านจาก จ.ปราจีนบุรี ข้าวเกรียบยาหน้า จ.ตราด และหน้าผาจำลองสำหรับคนรักความผาดโผน









        ภาคใต้ : แลนด์มาร์คของภาคนี้จำลองสตรีทอาร์ทบนผนังกำแพง และตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ อ.เบตง จ.ยะลา มาตั้งไว้ใจกลางงาน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสบรรยากาศ จิบชามาเลย์ และรู้จักวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงกระเป๋าร้อนสานพันกระจูด สินค้าขึ้นชื่อจากวิสาหกิจชุมชนบ้านต้นกระจูด จ.พัทลุง และเวิร์คชอปทำผ้าบาติก จากกลุ่มปันหยาบาติก จ.สตูล ให้ได้ลองระบายสีสันได้ตามจิตนาการ















        และสำหรับใครที่อยากชอปปิงหาของติดมือฝากคนทางบ้าน ที่นี่ก็มีโซนออกร้านจำหน่ายสินค้าที่รวบรวมคัดสรรของดีของชื่อจากทั้ง 55 เมืองรอง มาให้เลือกซื้อกันอย่างละลานตา หรือสนใจหาแพ็กเกจท่องเที่ยวในราคามิตรภาพ เชื่อถือได้ งานนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แถมยังได้ลุ้นโชค 2 ชั้น เมื่อซื้อแพ็คเกจท่องเที่ยวครบ 2,000 บาท โดยรางวัลใหญ่ผู้โชคดีจะได้รับสิทธิ์เที่ยวฟรี ‘โซเนวาคีรี รีสอร์ท เกาะกูด’ พร้อมตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และอื่น ๆ อีกมากมายมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท นอกจากนี้และยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย อย่าช้า งานดี ๆ แบบนี้สายเที่ยวสายลุยไม่ควรพลาด



 

X