ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำเขื่อนแก่งกระจานในปัจจุบันมีระดับน้ำถึงอาคารระบายน้ำล้นฉุกเฉิน (Spillway) แล้ว โดยในช่วงสายของวันนี้(6ส.ค.61) น้ำได้ค่อยๆล้นทางระบายน้ำฉุกเฉิน(spillway) ประมาณ 1 เซนติเมตร คาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลลงสู่ด้านท้ายเขื่อนแก่งกระจานในอัตราประมาณ 200-250 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางถึงเขื่อนเพชร 12 ชั่วโมง และอีก 22 ชั่วโมง จึงจะถึงตัวเมืองเพชรบุรี คาดว่าภายในวันพรุ่งนี้(7 ส.ค.61) ช่วงเย็นน้ำจะเริ่มส่งผลกระทบกับพื้นที่ลุ่มต่ำและริมฝั่งแม่น้ำ ในบางจุดจะมีน้ำล้นตลิ่ง 20-30 ซม. และค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 50-70 ซม. ซึ่งไม่ต่างจากระดับน้ำในปี 2560 มากนัก
สำหรับมาตราการเตรียมการช่วยเหลือในขณะนี้ กรมชลประทานได้ทำการติดตั้งกาลักน้ำเพิ่มอีกจำนวน 10 ชุด รวมของเดิมเป็น 22 ชุด หากติดตั้งแล้วเสร็จจะสามารถระบายน้ำได้รวมกันประมาณ 1.7 ล้าน ลบ.ม/วัน นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ Hydro Flow จำนวน 6 เครื่อง ช่วยระบายน้ำจาก บริเวณทางระบายน้ำล้นฉุกเฉิน (spillway) ได้วันละประมาณ 950,400 ลบ.ม. เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนแก่งกระจาน ในส่วนของการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 30 และ 44 เครื่องตามลำดับ ขณะนี้ได้ดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมด พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์น้ำ หากระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีเพิ่มสูงขึ้น ก็พร้อมที่จะเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในศักยภาพการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน และขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ สำนักเครื่องจักรกล กรมชลประทาน ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านเครื่องจักรกล เพื่อเป็นศูนย์กลางการประสานงานด้านเครื่องจักรกลในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และพร้อมสนับสนุนเครื่องมือเครื่องจักรในการช่วยเหลือได้ทันที และพร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง