รายงานสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย ระหว่างปี 2557-2558 จัดทำโดยมูลนิธิไทยโรดส์ และศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ระบุว่า ในแต่ละปีประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนปีละมากกว่า 2 หมื่นคน หรือเท่ากับการเสียชีวิตเฉลี่ย 60 คนต่อวัน โดยพฤติกรรมเมาแล้วขับและการขับรถเร็วเกินกำหนด ยังคงเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุในช่วง 7 วัน อันตราย ของเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ซึ่งเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุทางถนนเกิดขึ้นทั้งหมด 3,897 ครั้ง เสียชีวิต 418 คน บาดเจ็บ 3,897 คน โดยการขับรถขณะเมาสุรายังเป็นสาเหตุสำคัญที่ครองแชมป์อย่างต่อเนื่อง จำนวน 1,419 ครั้ง หรือคิดเป็น 41.42% ของอุบัติเหตุทั้งหมด
น.ส.พิมพ์ปวีณ์ สมยานุสรณ์ หรือ หมึก อายุ 48 ปี เหยื่อเมาแล้วขับ เล่าถึงเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอด ก่อนนั้นเธอเป็นพนักงานบริษัทจิลเวลรี่แห่งหนึ่งย่านบางนา ในคืนเกิดเหตุเธอและเพื่อน ๆ รวม 10 คน ได้เดินทางไปกินเลี้ยงฉลองวันเกิดให้หัวหน้าที่ร้านอาหารแถว ถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 1 ที่งานมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัดเตรียมไว้เลี้ยงคนที่มาร่วมงาน และมีการดื่มกินเข้าไปจำนวนมาก ก่อนเดินทางแยกย้ายกลับที่พักในเวลา 24.00 น. โดย พิมพ์ปวีณ์ ได้อาศัยรถยนต์ของเพื่อนที่อาสาขับไปส่งยังหอพัก พร้อมเพื่อนอีกหนึ่ง รวมเป็น 3 คน ซึ่งระหว่างขับรถคนขับมีอาการเงียบขรึม ชวนคุยแล้วไม่พูดด้วย และใช้ความเร็วมากผิดปกติ จนรถเสียหลักชนขอบทางขณะยูเทิร์นบนสะพานกลับรถรูปเกือกม้า ทำให้รถพลิกหงายท้องหมุน 8 รอบ นาทีนั้นพิมพ์ปวีณ์พยายามเอาตัวรอดโดยการใช้มือยึดเบาะรถไว้ แต่ไม่สามารถทนแรงเหวี่ยงได้จนร่างกระเด็นจากฝั่งผู้โดยสารมาด้านคนขับ และถูกเบาะรถพร้อมตัวคนขับตกลงมาทับร่าง
หลังผ่านเหตุการณ์ระทึกความรู้สึกแรกขณะติดอยู่ในซากรถ คือ หายใจติดขัด ไม่มีเสียงพูด ร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้ ใช้เวลาผ่าตัดรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช 4 เดือน แต่ไม่เป็นผล แพทย์วินิจฉัยว่า กระดุกต้นคอหักทับเส้นประสาททำให้ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวตั้งแต่ช่วงต่ำกว่าราวนมลงไปได้ รวมถึงระบบขับถ่าย ดังนั้นจึงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย ต้องมีคนช่วยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นนั่งเป็นหลัก “เรื่องเมาแล้วขับอยู่ที่จิตสำนึกของคน ถ้าปลูกฝังจิตสำนึกตั้งแต่เด็ก ในอนาคตก็จะมีผู้พิการและความประมาทน้อยลง และอยากให้เพิ่มบทลงโทษทางกฎหมายมากขึ้นเพื่อให้คนเกิดความเกรงกลัว ประโยชน์ก็จะตกกับคนทั่วไป ที่กฎหมายไทยยังอ่อนเพราะนิสัยคนไทยมีจิตเมตตา ขี้สงสาร แต่ถ้ามองภาพใหญ่จะเห็นว่ามีคนไม่เคารพกฎหมายจำนวนมาก จนทำกันเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นจึงต้องคุมที่ต้นเหตุ ไม่ควรสงสารผู้กระทำผิด จนละเลยคนที่ตกเป็นเหยื่อ” น.ส.พิมพ์ปวีณ์ กล่าว
ด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้เปิดเผยว่า สถิติเกี่ยวกับการเมาแล้วขับยังไม่สามารถทราบตัวเลขที่แน่ชัด เพราะไม่มีการเก็บข้อมูลว่าในประเทศไทยมีผู้เสียหายจากการเมาแล้วขับเท่าไร แต่จะมีการเก็บข้อมูลช่วงเทศกาลสำคัญ ซึ่งพบว่าเกือบครึ่งของอุบัติเหตุทางถนนมาจากการเมาแล้วขับ และจากประสบการณ์ของมูลนิธิฯที่ทำเรื่องนี้พบว่า ความเสียหายที่เกิดจากการเมาแล้วขับอาจสูงถึง 70% เพราะบางกรณีมีการชนแล้วหนี ไม่สามารถตามจับ จึงไม่สามารถทราบตัวเลขที่แน่นอนได้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศและต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
“ความตายเพราะเมาแล้วขับไม่ใช่เรื่องที่ควรชินชา แต่ที่รู้สึกชินชาเพราะประชาชน ภาคสังคม และรัฐบาลยอมรับความสูญเสียได้ แต่ยอมรับไม่ได้ที่ถูกหมาบ้ากัดตาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวจำเป็นต้องมีหน่วยงานรัฐมารับผิดชอบอย่างจริงจังเช่นกรณีอื่น ๆ ส่วนสาเหตุที่ยังแก้ไม่ได้เป็นเพราะไม่มีความสนใจที่จะแก้ปัญหาในเรื่องนี้ หรือมีก็จำกัดเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ซึ่งไม่เพียงพอเพราะมีคนเมาแล้วขับตลอด 365 วัน ไม่ใช่เฉพาะ 7 วันอันตราย และตราบใดที่ประชาชนไม่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาสำคัญรัฐบาลก็จะมองไม่เห็นปัญหาดังกล่าวเช่นกัน” นพ.แท้จริง กล่าว