วันนี้ (9พ.ค.61) วันแรก ตามที่ กองบังคับการตำรวจจราจร ประกาศเริ่มต้นโครงการตรวจจับผู้ฝ่าฝืนเปลี่ยนช่องทางเดินรถในเขตห้าม หรือกล้องเลนเชนจ์ จำนวน 15 ทางแยก ผู้ใดฝ่าฝืน มีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 21 ข้อหาฝ่าฝืนเครื่องหมายบนพื้นทาง มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งถือเป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยบังคับใช้กฎหมาย ลดการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังช่วยให้การจราจรลื่นไหล ลดปัญหาปาดคอสะพาน – อุโมงค์ ตัดกระแสจราจรได้เป็นอย่างดี
JS100 ได้จัดทำโพลล์สำรวจความคิดเห็นทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค "ตำรวจออกใบสั่งผ่านกล้อง 'เลนเชนจ์' 15 จุด ทั่วกรุงเทพฯ คุณเห็นด้วยหรือไม่? โดยสำรวจใช้เวลารวม 18 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 8-9 พ.ค.61“ ซึ่งผลปรากฏว่า ความคิดเห็นสูสีกัน เรียกได้ว่าแทบจะ 50-50 กันเลยทีเดียว
ผลโหวตทาง Twitter @js100radio มีผู้กดโหวต 669 คน เห็นด้วย 52% และไม่เห็นด้วย 48%
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสนใจว่า กรุงเทพมหานคร มีสถิติการอุบัติเหตุทางท้องถนน และมีปัญหาการจราจรอยู่ในอันดับต้นๆของโลก ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากตัวผู้ขับขี่ ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร และไม่เคารพกฎหมาย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนปฏิบัติหน้าที่หรือตั้งจุดตรวจ ก็มีข้อจำกัดเรื่องกำลังพล อีกทั้งยังมีข้อครหาต่างๆตามมา แต่เมื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในการกำกับดูแล มีความเที่ยงตรง แม่นยำตามหลักฐานที่ปรากฎ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย แต่กลับมีสัดส่วน “เห็นด้วย – ไม่เห็นด้วย” แทบจะเท่าๆกัน จึงเป็นสิ่งที่น่าคิดต่อว่า
แล้วจะเอาอย่างไรกันแน่ ?
เมื่อไรจำนวนอุบัติเหตุจะลดลง ?
เมื่อไรผู้ขับรถจะมีวินัย ?
ตร. ต้องยืนทั้งวันทั้งคืน ผู้ขับรถถึงจะไม่ฝ่าฝืน ?
ตร. ต้องกี่คนจะพอ ?
ต้องใช้วิธีใดถึงจะพอใจ ?
ตัวคุณปฎิบัติตามกฎจราจรแล้วหรือยัง ?




