เรียกได้ว่าได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 อย่างล้นหลาม ผู้เข้าชมงานต่างพากันแวะเวียนมาสอบถามข้อมูลกันเป็นระยะ สำหรับรถยนต์ต้นแบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ยี่ห้อ MINE (ไมน์) ตามแนวคิด Mission No Emission หรือพันธกิจไร้มลพิษ
MINE รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า สัญชาติไทย 100% ที่แรกที่คนไทยคิด คนไทยออกแบบ และเป็นเทคโนโลยีของคนไทย ซึ่งใช้พื้นที่ในงานมอเตอร์โชว์ฯแนะนำออกสู่สายตาชาวโลก โดยเตรียมวางระบบการจำหน่ายและให้บริการหลังการขายภายในปีนี้ และตั้งใจจะเริ่มวางจำหน่ายภายในปลายปี 2562
รถยนต์ต้นแบบ 3 รุ่น ที่มีแนวโน้มจะได้เห็นบนท้องถนนแห่งอนาคตอันใกล้
1.City EV Concept
รถยนต์ 2 ที่นั่ง เหมาะสำหรับขับใช้ภายในเมือง ภายในออกแบบที่นั่งกว้างขวางสำหรับ 2 คน ประหยัดเนื้อที่ภายในห้องโดยสารพอสมควรแแทบไม่มีที่เก็บสัมภาระ ท้ายรถเป็นทรงแฮชแบ็ค สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 120 กม./ชม. ชาร์จไฟ 1 ครั้ง วิ่งระยะทางได้ 200 กม. ราคาประมาณ 6-7 แสนบาท
2.MPV EV- Concept
รถยนต์ 5 ที่นั่ง เหมาะสำหรับครอบครัว ภายในออกแบบห้องโดยสารกว้างขวาง สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 140 กม./ชม. ชาร์จไฟ 1 ครั้ง วิ่งระยะทางได้ 200 กม. ราคาประมาณ 1 ล้านบาท
3.Sport EV Concept
รถยนต์สปอร์ต 2 ที่นั่ง เหมาะสำหรับคนชอบรถรูปทรงซูเปอร์คาร์ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 180 กม./ชม. ชาร์จไฟ 1 ครั้ง วิ่งระยะทางได้ 250 กม. ราคาประมาณ 2 ล้านบาท
ทั้ง 3 รุ่น ออกแบบภายในคล้ายๆกัน เน้นคอนเซ็ปต์ให้ความรู้สึกดิจิทัลและโลกอนาคต มีคอนโซลตรงกลางยื่นออกมาคล้ายกั้นระหว่างคนขับและคนนั่งข้าง หน้าจอสามารถบอกโหมดการขับที่ปรับไปตามความเร็ว เช่น หากรถจอดอยู่กับที่จะเป็นโหมดประหยัดพลังงาน(ECO) เมื่อเริ่มเหยียบคันเร่งออกตัวจะเปลี่ยนเป็นโหมดปกติ ขับไปสักระยะพอความเร็วเริ่มเสถียรจะกลับมาเป็นโหมดประหยัดพลังงาน(ECO) อีกครั้ง และเมื่อไรที่เหยียบคันเร่งเพื่อแซง ก็จะปรับเป็นโหมดสปอร์ตให้อันตโนมัติ

ส่วนภายนอกออกแบบให้ลดแรงต้าน เพื่อประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น การชาร์จไฟ 1 ครั้ง ใช้เวลา 20-60 นาที ขึ้นอยู่กับรุ่น ซึ่งถ้าชาร์จแบบเร่งด่วน 15-20 นาที ก็ได้มาประมาณ 80% แล้ว ซึ่งคาดว่าอีกหน่อยเราคงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการขับรถไปเติมน้ำมันปั๊มเมื่อไรที่ไหนก็ได้ เป็นการชาร์จไฟที่บ้านรอบเดียว เสียบปลั๊กทิ้งไว้แล้วไปทำอย่างอื่น ออกจากบ้านไปทำธุระเสร็จ ค่อยกลับมาชาร์จที่บ้าน ซึ่งค่าเฉลี่ยความสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 0.50 บาท/1กม. ซึ่งประหยัดกว่าอย่างเห็นได้ชัดหากเทียบกับรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันประเภท ECO Car อยู่ที่ประมาณ 1.5 - 2 บาท/1กม. อย่างไรก็ตามทีมข่าวแอบถามว่า ถ้าวิ่งเกิน 200 กม. แล้วพลังงานไฟฟ้าหมดจะทำอย่างไร ได้รับคำตอบมาว่า จริงๆแล้วระบบจะแอบกั๊กพลังงานสำรองให้อีกเล็กน้อยให้พอวิ่งได้อีกนิด แต่ในที่สุดถ้าหมดเกลี้ยงก็คงต้องยกเหมือนรถทั่วไปนั่นแหละครับ ดังนั้นรถประเภทนี้ในปัจจุบันน่าจะเหมาะสำหรับวิ่งในเมือง มากกว่าขับไปต่างจังหวัดนะครับ

จะเห็นได้ว่า ราคาพอที่จะสามารถจับต้องได้ เพราะมีความได้เปรียบจากการลงทุนพัฒนาและสร้างเอง ต้นทุนการผลิตจึงต่ำ เจ้าของคือ คุณสมโภชน์ อาหุนัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ที่เริ่มต้นมาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ซึ่งมีหลักคิดที่น่าสนใจ "เป็นคนรักความเจริญ อยากให้สังคมไทยเจริญ และไม่กลัวสิ่งที่ไม่รู้ เมื่อไม่รู้จะต้องแสวงหา รู้แล้วให้ลงมือทำ"
ถือเป็นยานยนต์ยุคใหม่ไร้มลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใครที่อยากครอบครองรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าต้องจับตาไว้ให้ดี หากสามารถทำได้ตามเป้าหมายจริง เชื่อว่าบนท้องถนนจะได้เห็นรถยี่ห้อ MINE บนท้องถนนอย่างแน่นอน